เทคโนโลยีพร้อมถ่ายทอด
ผู้วิจัยมีความสนใจที่จะพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์เพปไทด์ขนไก่ป่นโดยการเพิ่มมูลค่าให้เป็นสารสำคัญในเครื่องสำอางเนื่องจากตลาดเครื่องสำอางเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตสูง มีความต้องการใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์และสร้างจุดสนใจใหม่ให้กับผู้บริโภค ถึงแม้ประเทศไทยจะเป็นแหล่งผลิตอาหารและสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมหลายชนิดและมีความได้เปรียบในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ แต่กลับพบว่าประเทศไทยต้องนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางมากกว่าการใช้วัตถุดิบในประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการต้องมีภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ราคาต้นทุนสินค้าสูงขึ้น เมื่อตลาดมีการแข่งขันกันมากขึ้น ผู้ผลิตจึงต้องเลือกใช้ วัตถุดิบราคาถูกลงเพื่อประหยัดต้นทุนแต่แข่งขันกันโฆษณาและใช้งบการตลาดมากขึ้นโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของ สินค้าน้อยลง จนนำไปสู่ปัญหาการโฆษณาสินค้าอวดอ้างเกินจริง ปลอมปนสารต้องห้าม ทั้งนี้เพื่อให้เห็นผลเร็ว แต่ส่งผลให้ผู้บริโภค ได้รับผลกระทบจากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ เช่น ผิวแพ้ ระคายเคือง ไปจนถึงการอักเสบของผิวหนังอย่างรุนแรงผู้วิจัยทำการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการผลิตเครื่องสำอาง แพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญในกองเครื่องสำอาง คณะกรรมการ อาหารและยา ผลการสัมภาษณ์ พบว่าลูกค้าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต้องการข้อพิสูจน์การทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยประกอบเข้ากับการเล่าเรื่องราวที่ น่าสนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมเพปไทด์ระดับราคาใกล้เคียงกับเพปไทด์ที่มีอยู่ในตลาด ช่องทางการ จำหน่ายที่ผ่านคนกลางที่มีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมการตลาดที่เน้นการเป็นที่รู้จักผ่านการสร้างความแตกต่างด้วยการเป็นนวัตกรรมเพปไทด์ที่ปกป้องผิวหน้าและมีความปลอดภัย ผู้วิจัยจึงได้กำหนดให้ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบบูรณาการตามแนวทางที่ได้มาจากการสัมภาษณ์ข้างต้นโดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็น ผู้ประกอบการผลิตเครื่องสำอางและตัวแทนจำหน่ายวัตถุดิบผลิตเครื่องสำอางด้วย โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิดการเป็นเพปไทด์ สกัดจากธรรมชาติที่ปกป้องผิวหน้าจากมลภาวะ ความร้อน และแสงแดด ลดโอกาสการเกิดการอักเสบ จากการประเมินความเป็นไปได้ด้านเทคโนโลยีในการผลิต ความเป็นไปได้ด้านการบริหาร ด้านการตลาดและด้านการเงิน พบว่า ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพปไทด์จากขนไก่ป่นที่เป็นผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมสัตว์ปีก มีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์และมีโอกาส ประสบความสาเร็จในการวางตลาดในธุรกิจ