2568 การบริการให้คำปรึกษาและข้อมูลเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม   0


รายงานความก้าวหน้า

ไตรมาส ผลการดำเนินงาน งบประมาณที่ใช้ ผู้รับบริการ
3 [19248]

ลำดับที่ 33

กลุ่ม/ชุมชน: สาธุคราฟต์โซดา

ผู้ประกอบการ : นายสายสุณีย์ ยอดชัยกุล

ที่อยู่:   35 ม.5 ต.บ้านน้ำพุ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 64160

เบอร์ติดต่อ: 0813137168

ผลิตภัณฑ์คราฟต์โซดา เครื่องดื่มผลไม้โซดา

ปัญหาและความต้องการ :1.ปัญหาคือตกตะกอนเมื่อเก็บไว้มากกว่า24ชม. ต้องการทำให้ไม่ตกตะกอน 2.ต้องการเครื่องมือบรรจุและปิดฝาขวด 3.ต้องการ อย.

การให้คำปรึกษา และข้อมูล : คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มคราฟต์โซดา ซึ่งมีลักษณะเป็นเครื่องดื่มผสมผลไม้และโซดา โดยมีปัญหาหลักเกี่ยวกับการตกตะกอน การบรรจุภัณฑ์ และการเตรียมความพร้อมในการขออนุญาต อย. โดยมีแนวทางการให้คำปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ดังนี้ การควบคุมการตกตะกอนของผลิตภัณฑ์ ให้คำแนะนำการปรับปรุงสูตร โดยการใช้สารช่วยคงตัว (stabilizer) เช่น เพคติน (Pectin) หรือกัมธรรมชาติ (Gum Arabic, Xanthan Gum) ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการแยกชั้นของน้ำผลไม้และคาร์บอเนต เสนอแนวทางการ กรองเบื้องต้นและการควบคุม pH เพื่อลดการเกิดตะกอนจากโปรตีนหรือสารอินทรีย์ในผลไม้ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ เครื่อง Homogenizer หรือ Ultrasonic emulsification สำหรับการกระจายตัวของอนุภาคในสูตรให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น การพัฒนาและจัดหาเครื่องมือบรรจุและปิดฝาขวด แนะนำเครื่องบรรจุและปิดฝาขวดขนาดเล็กแบบกึ่งอัตโนมัติ (Semi-automatic Filling and Capping Machine) ที่เหมาะสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย พร้อมแหล่งจัดหาเครื่องมือที่มีคุณภาพและบริการหลังการขาย ให้ข้อมูลด้านการเลือกใช้ขวด PET หรือขวดแก้วที่สามารถทนแรงดันจากคาร์บอนไดออกไซด์ และแนวทางการปิดฝาให้สนิทเพื่อรักษาคุณภาพของแก๊สในเครื่องดื่ม แนวทางการขอ อย. และการจัดการตามหลัก GMP ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดเตรียมเอกสารสำหรับขอเลขสารบบอาหาร (อย.) ของเครื่องดื่มประเภทน้ำผลไม้ผสมคาร์บอเนต แนะนำการจัดพื้นที่ผลิตให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ GMP สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงการใช้ฉลากและการบ่งชี้ข้อมูลโภชนาการตามมาตรฐาน

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลเชิงลึก และเตรียมประสานนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอาหาร เครื่องดื่ม และบรรจุภัณฑ์ เพื่อยื่นขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาเชิงลึกและยกระดับสู่เชิงพาณิชย์ต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19248]
7500 1
3 [19241]

ลำดับที่ 26

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนพืชสมุนไพรวิถีสุโขทัยต.ปากน้ำ

ผู้ประกอบการ : นางธัญญารัตน์ แก้วกามูล

ที่อยู่:   บ้านเลขที่ 6 หมู่ 11 ตำบลปากน้ำ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย 64110

เบอร์ติดต่อ: 093-137-1579

ผลิตภัณฑ์น้ำพริกลาบเหนือมะแขว่น

ปัญหาและความต้องการ :1.ต้องการยืดอายุการเก็บรักษา โดยยังคงกลิ่น สี และคุณภาพของสมุนไพร  2.พัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้พกพาง่าย สะดวก ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้า 3.ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐาน เช่น อย.

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

จากการลงพื้นที่และหารือกับผู้ประกอบการ พบว่า มีปัญหาและความต้องการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ การจัดหาเครื่องแปรรูป/ศูนย์เรียนรู้ และการขาดแคลนโรงเรือนสำหรับดำเนินกิจกรรมการผลิต โดยในฐานะที่ปรึกษา ได้ดำเนินการให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางแก้ไข ดังนี้:

1. การพัฒนามาตรฐานการผลิต ปัญหา คือ ผลิตภัณฑ์ยังไม่มีฉลาก โลโก้ และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือและไม่สามารถเข้าสู่ตลาดได้อย่างเต็มรูปแบบ

แนวทางการให้คำปรึกษา: ให้คำแนะนำเกี่ยวกับองค์ประกอบของฉลากสินค้าที่ถูกต้องตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เช่น ชื่อสินค้า ส่วนประกอบ น้ำหนัก วันผลิต/วันหมดอายุ เลขสารบบอาหาร และข้อมูลผู้ผลิต แนะนำการออกแบบโลโก้ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของกลุ่ม เช่น การใช้ภาพสื่อถึงท้องถิ่นหรือวัตถุดิบหลัก เสนอแนวทางเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ขวดแก้ว ถุงฟอยล์ หรือบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศ ที่สามารถยืดอายุผลิตภัณฑ์และขนส่งได้สะดวก สนับสนุนการติดต่อกับนักออกแบบ หรือนิสิตนักศึกษาในสายงานศิลปกรรมหรือนิเทศศาสตร์เพื่อร่วมออกแบบฉลากและโลโก้โดยมีต้นทุนต่ำ

2. ความต้องการเครื่องแปรรูป / ศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับการแปรรูปส้มและมะนาว ปัญหา คือ ขาดอุปกรณ์ในการแปรรูปวัตถุดิบ เช่น เครื่องคั้นน้ำส้ม เครื่องอบแห้ง ตลอดจนขาดองค์ความรู้ในการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป

แนวทางการให้คำปรึกษา: ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องจักรและอุปกรณ์แปรรูปเบื้องต้นที่เหมาะกับระดับชุมชน เช่น เครื่องสกัดน้ำผลไม้ เครื่องฆ่าเชื้อ เครื่องซีลถุง เครื่องอบลมร้อน แนะนำการจัดตั้ง "ศูนย์เรียนรู้การแปรรูปผลไม้ท้องถิ่น" เพื่อให้เป็นแหล่งถ่ายทอดองค์ความรู้แก่สมาชิกกลุ่มและคนในชุมชน พร้อมจัดกิจกรรมฝึกอบรมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐหรือมหาวิทยาลัยในพื้นที่ ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเกษตรอำเภอ พัฒนาชุมชน หรือสถาบันการศึกษา เพื่อขอรับการสนับสนุนเครื่องมือ หรือจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ

3. การขาดแคลนโรงเรือนสำหรับแปรรูปและจัดเก็บ ปัญหา คือ ยังไม่มีสถานที่ถาวรสำหรับแปรรูปผลผลิต ทำให้การดำเนินงานไม่ต่อเนื่องและเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขอนามัย

แนวทางการให้คำปรึกษา: แนะนำการจัดทำ แผนก่อสร้างโรงเรือนขนาดเล็ก ที่ใช้วัสดุท้องถิ่นและมีต้นทุนต่ำ เช่น โครงเหล็กมุงเมทัลชีท พร้อมระบบระบายอากาศ ให้คำปรึกษาในการจัดเขตพื้นที่ภายในโรงเรือนให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิต เช่น พื้นที่ล้าง–หั่น–แปรรูป–บรรจุภัณฑ์ แยกตามลำดับ

สรุปผลการทำงาน: เสนอช่องทางการขอรับงบสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19241]
7000 2
3 [19242]

ลำดับที่ 27

กลุ่ม/ชุมชน: สวนตั้งใจทำ(ธรรม)

ผู้ประกอบการ : นางสาวเบญจมาศ ก้อนแก้ว

ที่อยู่:   291 หมู่ที่ 16 ตำบลแม่สิน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย 64130

เบอร์ติดต่อ: 0924363156

ผลิตภัณฑ์แยมส้ม, Kumbocha, Cyder สมุนไพร

ปัญหาและความต้องการ :1.ต้องการพัฒนามาตรฐานการผลิต เนื่องจากยังไม่มีฉลาก โลโก้และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม 2.ต้องการเครื่องแปรรูป/ศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับการแปรรูปส้มและมะนาว 3.ไม่มีโรงเรือน

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :จากการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของกลุ่ม “สวนตั้งใจทำ(ธรรม)” ซึ่งดำเนินกิจกรรมด้านการแปรรูปผลผลิตเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะส้มและมะนาว พบประเด็นสำคัญ 3 ประการที่ต้องการการสนับสนุน ได้แก่

1. ด้านมาตรฐานการผลิตและการสร้างภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักเกณฑ์พื้นฐานของการผลิตอาหารแปรรูปอย่างปลอดภัยตามแนวทาง GMP (Good Manufacturing Practice) เบื้องต้นสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านการออกแบบฉลาก โลโก้ และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้แนวคิด “Natural and Functional Product” ซึ่งสื่อถึงความเป็นธรรมชาติและคุณค่าต่อสุขภาพ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และสามารถเข้าสู่ตลาดสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

1.    ด้านเทคโนโลยีการแปรรูปและการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ แนะนำรูปแบบการแปรรูปผลผลิต ได้แก่ การผลิตแยมส้ม การผลิตเครื่องดื่มหมักอย่าง Kombucha และ Cyder สมุนไพร โดยให้ข้อมูลกระบวนการแปรรูปที่ใช้ การควบคุมอุณหภูมิ ความสะอาด และค่า pH เพื่อคงคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษา พร้อมทั้งเสนอแนวทางจัดตั้ง ศูนย์เรียนรู้การแปรรูปในระดับชุมชน ที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (hands-on learning) เพื่อให้เกิดการขยายผลสู่กลุ่มอื่นในชุมชนได้

2.   ด้านโครงสร้างพื้นฐานโรงเรือนแปรรูป ให้คำปรึกษาด้านการออกแบบโรงเรือนแปรรูปที่เหมาะสมกับพื้นที่ขนาดเล็ก โดยคำนึงถึงการจัดพื้นที่สะอาด การแยกโซนวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป การระบายอากาศที่ดี และวัสดุที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย รวมถึงการเชื่อมโยงแนวทางขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากหน่วยงานภาครัฐเพื่อก่อสร้างโรงเรือนต้นแบบที่ได้มาตรฐาน

สรุปผลการทำงาน:  เสนอช่องทางการขอรับงบสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19242]
8000 2
3 [19243]

ลำดับที่ 28

กลุ่ม/ชุมชน: หจก.ชิราคุ

ผู้ประกอบการ : นายจักราวุธ สระชุ่ม

ที่อยู่:   35/4 ม.4 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย 64170

เบอร์ติดต่อ: 0637319364

ผลิตภัณฑ์ไซรัปมะม่วง,มะม่วงอบแห้ง

ปัญหาและความต้องการ :1.ปัญหามะม่วงที่ใช้มีคุณภาพไม่สม่ำเสมอ สุกไม่เท่ากัน หวานไม่เท่ากัน 2.ผลผลิตส่วนเกินจากฤดูกาลไม่มีแผนรองรับ ใช้มะม่วงไม่เหมาะกับการทำ 3.กระบวนการต้ม/การอบ และกรองไม่สม่ำเสมอ ควบคุมความหวาน ความหนืดไม่แม่นยำ 4.ไม่ได้ขอ อย. หรือรับรอง GMP 5.ปัจจุบันเป็นขวดแก้วขนส่งลำบาก,อยากให้ฉลากมีความยืดหยุ่นในการปรับปรุงสูตร 6.บรรจุขณะร้อนแบบมือ เสี่ยงต่อความปลอดภัยและไม่ทันการผลิต 7.ยังไม่มีทางเลือกใหม่ เช่น ไม่มีสูตรสุขภาพ หรือสูตรผสม

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะม่วงให้มีคุณภาพและสามารถแข่งขันได้ในเชิงพาณิชย์

1. ปัญหาคุณภาพของมะม่วงไม่สม่ำเสมอ คำปรึกษาแนะนำการคัดเกรดมะม่วงด้วยเครื่องวัดคุณภาพเบื้องต้น เช่น เครื่องวัด Brix (ค่าความหวาน) และการใช้เทคนิค ripening management เพื่อให้มะม่วงสุกสม่ำเสมอ เช่น การอบไอน้ำอุณหภูมิควบคุมก่อนการผลิต เทคโนโลยีที่แนะนำ การใช้สายพานลำเลียงพร้อมระบบคัดแยกอัตโนมัติ (Sorting Machine) ร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพผลไม้

2. ปัญหาผลผลิตส่วนเกินในฤดูกาล คำปรึกษา วางแผนการจัดเก็บผลผลิตแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Management) และการแปรรูปขั้นต้นเพื่อยืดอายุ เช่น การทำ Puree แช่แข็งหรือทำเป็นมะม่วงอบแห้ง

นวัตกรรมแนะนำ การใช้เทคนิค “การทำแยมกึ่งสำเร็จรูป” หรือ base puree เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบต่อยอดได้ตลอดปี

3. กระบวนการต้ม/อบ/กรองไม่สม่ำเสมอ คำปรึกษา ปรับกระบวนการแปรรูปด้วยการใช้เครื่อง pasteurizer และระบบควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ พร้อมการใช้ refractometer เพื่อตรวจสอบความหวานและ viscosity meter เพื่อวัดความหนืด เทคโนโลยีที่แนะนำ เครื่องเคี่ยวอัตโนมัติแบบสูญญากาศ (Vacuum evaporator) เพื่อลดความร้อนที่ทำลายกลิ่นรสธรรมชาติของมะม่วง

4. ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย. หรือ GMP คำปรึกษา ให้คำแนะนำเรื่องระบบสุขลักษณะโรงงาน (GMP) และการจัดทำเอกสาร SOP (Standard Operating Procedure) พร้อมเตรียมเอกสารประกอบการยื่น อย. เช่น แบบฟอร์มขอเลขสารบบอาหาร ฉลาก บัญชีวัตถุดิบ แนวทางสนับสนุน แนะนำให้เข้าร่วมโครงการปรึกษาเชิงลึกกับหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือ Food Innopolis

5. ปัญหาบรรจุภัณฑ์ คำปรึกษา เปลี่ยนจากขวดแก้วเป็นถุง Doypack หรือขวด PET ชนิดทนความร้อน (Hot-fillable) เพื่อความสะดวกในการขนส่ง และออกแบบฉลากในรูปแบบ QR code หรือฉลากเปล่าที่ติดสติกเกอร์เพิ่มเติมได้ เพื่อให้ยืดหยุ่นในการเปลี่ยนสูตร นวัตกรรมแนะนำ ฉลาก Smart label ที่บันทึกวันหมดอายุหรือระบบ track & trace การผลิต

6. ปัญหาการบรรจุขณะร้อน คำปรึกษา แนะนำการติดตั้งเครื่องบรรจุแบบ Hot-fill ที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้ปลอดภัยทั้งผู้ปฏิบัติงานและรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีที่แนะนำ Semi-automatic hot filling machine พร้อมระบบ CIP (Cleaning in Place) เพื่อลดการปนเปื้อน

7. ขาดทางเลือกใหม่ (สูตรสุขภาพหรือสูตรผสม) คำปรึกษา วิจัยและพัฒนาสูตรใหม่ เช่น สูตรมะม่วงผสมเสาวรส สมุนไพร (เช่น ขิง ใบเตย) หรือสูตร Functional Food เช่น มะม่วงผสมใยอาหาร วิตามิน ซี และพรีไบโอติกส์ แนวทางนวัตกรรม การใช้แนวคิด Clean Label + สูตร Low Sugar + Plant-based เสริมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์สุขภาพ

 

สรุปผลการทำงาน: เสนอช่องทางการขอรับงบสนับสนุนการวิจัยร่วมกับผู้ช่วยชาญจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19243]
7500 2
3 [19244]

ลำดับที่ 29

กลุ่ม/ชุมชน: รุจิรากรีนฟาร์ม

ผู้ประกอบการ : คุณรุจิรา

ที่อยู่:ต.ศรีนคร อ.ศรีนนคร จ.สุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 086-9250300

ผลิตภัณฑ์ผักไฮโดรปลอดสาร

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการระบบควบคุมการรดน้ำผักไฮโดให้มีคุณภาพในหน้าร้อน เพื่อให้ผักสดชื่นตลอดเวลา

การให้คำปรึกษา และข้อมูล:เนื่องจากในช่วงฤดูร้อนที่อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเพาะปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มักประสบปัญหาคุณภาพของผลผลิตลดลงเนื่องจากความร้อนที่ส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิของสารละลายธาตุอาหาร การระเหยของน้ำในระบบ และการคายน้ำของพืชมากกว่าปกติ ส่งผลให้พืชเกิดอาการเฉา ใบไหม้ และการเจริญเติบโตชะงัก ดังนั้นการแก้ไขปัญหาควรมีการออกแบบระบบควบคุมการรดน้ำอย่างแม่นยำอัตโนมัติ และรักษาสภาพแวดล้อมในรางปลูกให้สมดุลตลอดทั้งวัน แนวทางการพัฒนาเชิงเทคโนโลยีที่แนะนำ ได้แก่ การติดตั้งระบบเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ในโรงเรือนร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดค่าการนำไฟฟ้า (EC) และค่าความเป็นกรดด่าง (pH) ของสารละลายธาตุอาหาร เพื่อใช้ควบคุมการจ่ายน้ำและธาตุอาหารตามสภาพแวดล้อมจริงแบบเรียลไทม์ โดยระบบควบคุมนี้ควรเชื่อมต่อกับไมโครคอนโทรลเลอร์ เช่น Arduino หรือ NodeMCU ซึ่งสามารถตั้งค่าการรดน้ำตามช่วงเวลา อุณหภูมิ หรือระดับน้ำในรางได้อัตโนมัติ พร้อมเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเพื่อตรวจสอบและปรับค่าจากระยะไกลได้ นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มระบบทำความเย็น (Cooling System) เช่น การใช้ม่านน้ำ (evaporative cooling pad) หรือการพ่นหมอกละอองน้ำร่วมกับพัดลม เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้อยู่ในช่วงเหมาะสม (20–30°C) และลดการคายน้ำของพืช โดยระบบนี้จะช่วยให้พืชสามารถดูดน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น ส่งผลให้คุณภาพของผักไฮโดรโปนิกส์สดชื่นและมีความสม่ำเสมอในทุกฤดู ท้ายที่สุด การออกแบบระบบควบคุมนี้ควรคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในระยะยาว และส่งเสริมแนวทางการผลิตเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ที่ยั่งยืนในระดับชุมชนหรือวิสาหกิจ

สรุปผลการทำงาน: เสนอช่องทางการขอรับงบสนับสนุนการวิจัยร่วมกับผู้ช่วยชาญจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19244]
7500 2
3 [19245]

ลำดับที่ 30

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนบ้านพอใจ (ศรีนคร ฟาร์ม)

ผู้ประกอบการ : นางสาวภัทราวดี เอมกริช

ที่อยู่:   23/11ม.7 ต.คลองมะพลับ อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 0870121625

ผลิตภัณฑ์กล้วยดินผง100% จากกล้วยพันธ์มะลิอ่องที่มีเบต้าแคโรทีน ข้าวเกรียบกล้วย กล้วยหนึบ

ปัญหาและความต้องการ :1.ไม่มี อย. 2.ต้องการที่ตาก/โดม/เครื่องปั่นที่ได้มาตรฐาน 3.ต้องการพัฒนาข้าวเกรียบกล้วยและคุกกี้กล้วย 4.ต้องการฉลากและบรรจุภัณฑ์

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :ในการให้คำปรึกษาครั้งนี้ คณะทำงานได้ให้ข้อมูลและแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะม่วง โดยเน้นการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อแก้ปัญหาด้านคุณภาพวัตถุดิบ กระบวนการผลิต และบรรจุภัณฑ์ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

  1. คุณภาพของวัตถุดิบ (มะม่วง) แนะนำการคัดแยกวัตถุดิบโดยใช้เครื่องวัด Brix เพื่อประเมินปริมาณน้ำตาลก่อนเข้าสู่กระบวนการ และให้คำแนะนำเรื่องการจัดเก็บมะม่วงในห้องเย็นเพื่อชะลอการสุก เพื่อให้สามารถคัดแยกมะม่วงที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน
  2. แนวทางจัดการผลผลิตส่วนเกินนอกฤดูกาล แนะนำการวางแผนการแปรรูปเชิงรุก เช่น การแปรรูปเป็นมะม่วงกวนเข้มข้นแบบเบส (fruit base) สำหรับใช้ต่อยอดในสูตรต่างๆ รวมถึงการแช่แข็งเนื้อสุกเพื่อคงคุณภาพสำหรับผลิตภัณฑ์นอกฤดู
  3. กระบวนการผลิตที่ไม่สม่ำเสมอ ให้คำแนะนำการควบคุมคุณภาพในขั้นตอนต้ม อบ และกรอง ด้วยการใช้เครื่องมือวัด เช่น เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด เครื่องวัดค่าความหนืด และเครื่องชั่งละเอียด รวมถึงออกแบบสูตรที่มีการคำนวณปริมาณน้ำตาล น้ำ และกรด เพื่อให้รสชาติคงที่
  4. มาตรฐานผลิตภัณฑ์ (GMP และ อย.) แนะนำขั้นตอนการเตรียมเอกสารและการปรับสถานที่เพื่อเข้าสู่กระบวนการขอรับรอง GMP และ อย. โดยใช้แนวทาง “GMP สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย” และแบบฟอร์มที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแนะนำ
  5.  การปรับปรุงบรรจุภัณฑ์และฉลาก แนะนำทางเลือกในการเปลี่ยนจากขวดแก้วเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดทนร้อน (เช่น PET ที่ผ่านการ Sterilization หรือ Retort pouch) และเสนอรูปแบบฉลากที่ใช้ QR Code สำหรับอัปเดตสูตรแบบไม่ต้องพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง
  6.  ความปลอดภัยในการบรรจุแนะนำการใช้เครื่องบรรจุร้อนกึ่งอัตโนมัติสำหรับผลิตภัณฑ์กึ่งเหลวที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ และเพิ่มจำนวนการผลิตต่อรอบ
  7. การพัฒนาสูตรทางเลือกใหม่ให้คำแนะนำการพัฒนาสูตรทางเลือก เช่น สูตรหวานน้อย สูตรเสริมวิตามินหรือใยอาหาร และสูตรที่ใช้วัตถุดิบสมุนไพรร่วม เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคสุขภาพ โดยใช้หลักการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เชิงนวัตกรรม (NPD: New Product Development)

สรุปผลการทำงาน:  นำข้อมูลและปัญหาความต้องการทำการเชื่อมโยงกับนักวิจัย เพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการในการแก้ไขปัญหาเชิงลึก กับหน่วยงานสนับสนุนและส่งเสริม เช่น การวิจัย การบริการวิชา การยกระดับคุณภาพชีวิตทั้งแหล่งภายในและภายนอก



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19245]
7500 2
3 [19257]

ลำดับที่ 42

กลุ่ม/ชุมชน: สวนบูมเบลล์

ผู้ประกอบการ : นางสาวจันทนา จันทร์ทิม

ที่อยู่:   130/10 หมู่ที่ 7 ต.วังลึก อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย 64120

เบอร์ติดต่อ: 0832191209

ผลิตภัณฑ์กล้วยตากกับมะม่วงแผ่น

ปัญหาและความต้องการ :กล้วยตากกับมะม่วงแผ่น อยากได้โดมพลังงานแสงอาทิตย์ สีกล้วยตากที่คล้ำ

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :จากการให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ กล้วยตาก และ มะม่วงแผ่น พบว่ากลุ่มต้องการยกระดับกระบวนการผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้นโดยเฉพาะการควบคุม สีและคุณภาพของกล้วยตาก และต้องการใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดต้นทุนและรักษาสิ่งแวดล้อม คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีจึงได้ให้คำปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ดังนี้

1. การออกแบบและใช้โดมอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Dome Dryer) แนะนำการใช้ โดมอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์แบบกึ่งปิด ซึ่งมีโครงสร้างเป็นพลาสติกโปร่งแสงที่สามารถกักเก็บความร้อนในตอนกลางวัน ช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในให้สูงกว่าอุณหภูมิภายนอก 10–20°C เสนอให้ติดตั้ง พัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Ventilator) เพื่อช่วยระบายความชื้นภายในโดม ลดการเกิดเชื้อราและเร่งกระบวนการอบ โดมสามารถใช้ได้กับทั้งกล้วยตากและมะม่วงแผ่น โดยช่วยลดระยะเวลาอบจาก 5–7 วัน เหลือเพียง 2–3 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ วัสดุสามารถใช้พลาสติกคลุมเรือนกระจก (UV film) และพื้นซีเมนต์ขัดมันหรือถาดตะแกรงสเตนเลสสำหรับวางผลผลิต

2. การแก้ปัญหาสีกล้วยตากที่คล้ำ แนะนำการใช้วิธี ลวกกล้วยในน้ำร้อน 70–80°C ประมาณ 3–5 นาที ก่อนนำไปอบ เพื่อลดปฏิกิริยาเอนไซม์ (Enzymatic Browning) ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการแช่กล้วยใน น้ำมะนาวเจือจาง (กรดแอสคอร์บิก) หรือใช้น้ำเกลือบาง ๆ ก่อนตาก เพื่อรักษาสีให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เสนอให้ทดลองอบกล้วยด้วย อุณหภูมิที่คงที่และสม่ำเสมอ (50–60°C) เพื่อป้องกันการไหม้ผิวด้านนอกและเกิดสีคล้ำ

3. การเชื่อมโยงกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสุขภาพ แนะนำให้พัฒนา กล้วยตากธรรมชาติ / มะม่วงแผ่นไม่ใส่น้ำตาล สำหรับตลาดสุขภาพ โดยใช้กระบวนการอบที่ไม่ใช้วัตถุกันเสีย เสนอแนวทางการบรรจุผลิตภัณฑ์ในถุงซิปล็อกหรือสุญญากาศร่วมกับการใส่สารดูดความชื้น เพื่อยืดอายุการเก็บและรักษาคุณภาพ

สรุปผลการทำงาน:  การให้คำปรึกษาครั้งนี้ช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบการได้รับแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเรื่องสีกล้วยตากคล้ำโดยใช้วิธีควบคุมเอนไซม์ และการพัฒนาเทคโนโลยีอบแห้งด้วย โดมพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งได้แนวทางต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสุขภาพและแนวทางการออกแบบบรรจุภัณฑ์อย่างเหมาะสม คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีจะดำเนินการประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเกษตร พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีการแปรรูปผลไม้ เพื่อจัดทำข้อเสนอของบประมาณและสนับสนุนการพัฒนาเชิงลึกในลำดับต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19257]
5000 1
3 [19247]

ลำดับที่ 32

กลุ่ม/ชุมชน: ณัชชวกร (เห็ดนางฟ้า)

ผู้ประกอบการ : นางณัชชวกร ศิริมูล

ที่อยู่:   59/3 ม.10 ต.คลองมะพลับ. อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย. 64180

เบอร์ติดต่อ: 0909341442

ผลิตภัณฑ์เห็ดนางฟ้า

ปัญหาและความต้องการ :1.ปัญหาอากาศร้อนเห็ดไม่ออก  2.ต้องการแปรรูปเห็ดขายเห็ด

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :จากการวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการของกลุ่มผู้เพาะเห็ดนางฟ้า พบว่ามี 2 ประเด็นหลักที่ต้องการการแก้ไข ได้แก่ ปัญหาผลผลิตลดลงในช่วงอากาศร้อน และความต้องการเพิ่มมูลค่าจากการแปรรูปเห็ด ซึ่งคณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาในแนวทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ดังนี้  การจัดการปัญหาอุณหภูมิสูงในโรงเรือนเพาะเห็ด แนะนำการปรับปรุงโรงเรือนโดยใช้ วัสดุป้องกันความร้อน เช่น ฉนวนกันความร้อนหลังคา และการใช้แสลนกรองแสงร่วมกับระบบพ่นหมอกหรือพัดลมระบายอากาศ เพื่อควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงเหมาะสม (ประมาณ 25–30 องศาเซลเซียส) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ การจัดการความชื้นและอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยี IoT ที่เหมาะสมกับเกษตรกรรายย่อย เช่น ระบบเซนเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิ ความชื้น และระบบสั่งงานพ่นหมอกอัตโนมัติ แนวทางการแปรรูปเห็ดเพื่อเพิ่มมูลค่า แนะนำการแปรรูปเห็ดนางฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เห็ดนางฟ้าอบแห้ง โดยใช้เครื่องอบลมร้อน เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและจำหน่ายเป็นวัตถุดิบในเมนูต่าง ๆ เห็ดทอดกรอบปรุงรส เพื่อเจาะตลาดของว่างสุขภาพ การทำซอสเห็ด หรือแหนมเห็ด เป็นผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกสำหรับกลุ่มมังสวิรัติ ให้คำแนะนำเรื่อง การบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันความชื้นและออกซิเจน เช่น ซองฟอยล์สุญญากาศ หรือถุงซิปล็อคแบบมีสารดูดความชื้น ให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับ มาตรฐานผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเห็ด ที่อาจต้องเข้าสู่กระบวนการขอ อย. หรือการรับรอง GMP หากจะขยายสู่ตลาดที่กว้างขึ้น

สรุปผลการทำงาน:  การให้คำปรึกษาในครั้งนี้ได้ช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อผลผลิตเห็ดในช่วงอากาศร้อน และแนวทางการใช้เทคโนโลยีในการควบคุมอุณหภูมิในโรงเรือนอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งเปิดแนวคิดในการแปรรูปเห็ดเพื่อเพิ่มมูลค่าและยืดอายุการเก็บรักษา ซึ่งสามารถขยายตลาดได้ทั้งในและนอกพื้นที่ คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลปัญหาเชิงลึกเพื่อดำเนินการประสานนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเพาะเห็ดและการแปรรูปอาหาร เพื่อเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบต่อไป

 



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19247]
7500 1
3 [19249]

ลำดับที่ 34

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนสวนป่าบ้านจันทร์หอม

ผู้ประกอบการ : นางสาวพิมพ์พิสุทธิ์ เทพยศ

ที่อยู่:   62/2 หมู่3 ตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย 64110

เบอร์ติดต่อ: 0958234289

ผลิตภัณฑ์คุกกี้กล้วยตาก กล้วยอาบเนย กล้วยตาก มะม่วงหนึบ ไซรับกล้วย น้ำส้มควันไม้

ปัญหาและความต้องการ :1.มีวัตถุดิบที่หลากหลาย แต่อยากพัฒนาให้โดนเด่นเป็นสินค้าประจำกลุ่ม 2.ต้องการออกแบบสื่อถึงความเป็นสวนป่าบ้านจันทน์หอม

 

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :จากการให้คำปรึกษากลุ่มผู้ผลิตภายใต้ชื่อ "สวนป่าบ้านจันทน์หอม" ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น คุกกีกล้วยตาก กล้วยอาบเนย กล้วยตาก มะม่วงหนึบ ไซรัปกล้วย และน้ำส้มควันไม้ พบว่ากลุ่มมีศักยภาพในด้านวัตถุดิบพื้นถิ่นและกระบวนการแปรรูปเบื้องต้น แต่ยังขาดเอกลักษณ์ของแบรนด์และความชัดเจนของ "สินค้าหลัก" ที่สะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีจึงได้ให้คำปรึกษาดังนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักที่โดดเด่นจากวัตถุดิบท้องถิ่น วิเคราะห์จุดแข็งของวัตถุดิบที่มีอยู่ เช่น กล้วยตากที่ใช้วิธีการตากแบบธรรมชาติร่วมกับการควบคุมความชื้น ให้มีรสหวานธรรมชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ เสนอแนวทางพัฒนาสินค้าหลักของกลุ่ม เช่น คุกกีกล้วยตากพรีเมียม สูตรสุขภาพ ไม่มีแป้งสาลี ใช้ธัญพืชและผลไม้พื้นบ้านร่วม ไซรัปกล้วยหอมหมักธรรมชาติ ใช้สำหรับผสมเครื่องดื่มหรือเป็นซอสในเมนูขนมเพื่อเจาะกลุ่มตลาดสุขภาพ มะม่วงหนึบพรีเมียม ที่ควบคุมกระบวนการอบแห้งแบบ semi-dried fruit ด้วยเครื่องอบลมร้อน เพื่อให้มีสี กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่สม่ำเสมอ การออกแบบสื่อและแบรนด์ที่สะท้อนความเป็น “สวนป่าบ้านจันทน์หอม” แนะนำการพัฒนาแบรนด์โดยใช้แนวคิด “วนเกษตร” และ “อาหารแห่งป่า” เพื่อสร้างภาพจำของแหล่งผลิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติ เสนอการออกแบบโลโก้และบรรจุภัณฑ์โดยใช้โทนสีจากธรรมชาติ เช่น สีเขียวป่า น้ำตาลไม้ และลายเส้นสื่อถึงใบไม้ ดอกจันทน์ ให้คำปรึกษาในการจัดทำ “Storytelling” ของสินค้าแต่ละชนิด เพื่อเพิ่มมูลค่าทางอารมณ์และการตลาด เช่น การบอกเล่าเรื่องราวของสวนป่าที่ปลูกกล้วยด้วยวิถีธรรมชาติ หรือมะม่วงที่ปลูกแบบอินทรีย์

แนะนำการใช้สื่อดิจิทัล เช่น QR Code บนฉลากที่เชื่อมโยงไปยังวิดีโอสั้นหรือเว็บไซต์ของกลุ่ม เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจที่มาของสินค้า

สรุปผลการทำงาน:  คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้เก็บข้อมูลเชิงลึกและอยู่ระหว่างการประสานนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอาหารและการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อเสนอโครงการของบประมาณในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นระบบในลำดับถัดไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19249]
7500 2
3 [19250]

ลำดับที่ 35

กลุ่ม/ชุมชน: ไร่เทียนสว่าง

ผู้ประกอบการ : นายธารา กล่ำบุตร

ที่อยู่:   59/1 ม.4 ต.ปากน้ำ อ.สวรรคโลก จ. สุโขทัย 64110

เบอร์ติดต่อ: 0838735040

ผลิตภัณฑ์ผลผลิตผักและผลไม้ จากศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบผสมผสาน

ปัญหาและความต้องการ :1.ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลฝรั่ง 2.ต้องการทำศูนย์เรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :ศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบผสมผสานแห่งนี้มีศักยภาพด้านการผลิตผักและผลไม้ปลอดสาร โดยเฉพาะ “ฝรั่ง” ซึ่งเป็นผลผลิตเด่นของพื้นที่ จากการให้คำปรึกษาเบื้องต้น คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้เสนอแนวทางการยกระดับผลผลิตด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ใน 2 ด้านหลัก ดังนี้

การพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากฝรั่ง ให้คำแนะนำการพัฒนา ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากฝรั่ง โดยเน้นการยืดอายุและเพิ่มมูลค่า เช่น ฝรั่งอบแห้งกึ่งนุ่ม (semi-dried guava) โดยใช้เทคโนโลยีอบลมร้อนเพื่อคงกลิ่น สี และรสชาติ ฝรั่งแช่อิ่มสมุนไพร ใช้สูตรลดน้ำตาล ผสมสมุนไพร เช่น มะนาว ตะไคร้ หรือเกลือชมพู น้ำฝรั่งพร้อมดื่ม โดยแนะนำการใช้เครื่องกรองและพาสเจอไรซ์แบบอุณหภูมิต่ำ เพื่อรักษาคุณค่าวิตามิน ให้ข้อมูลด้านเทคนิคการบรรจุ เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์สูญญากาศหรือขวด PET ชนิดทนร้อน เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา แนะนำเรื่อง การวิเคราะห์ทางโภชนาการเบื้องต้น และแนวทางขอ อย. สำหรับผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่าย การพัฒนาศูนย์เรียนรู้เชิงท่องเที่ยวเกษตร ให้คำปรึกษาการจัดพื้นที่ศูนย์เรียนรู้เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยออกแบบให้มีองค์ประกอบของ “เรียนรู้ – ทดลอง – ชิม – ซื้อกลับบ้าน” เสนอแนวทางจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เช่น ฐานเรียนรู้ “การแปรรูปฝรั่ง” ให้ผู้มาเยี่ยมชมได้ลองทำเอง เส้นทางชมแปลงเกษตรผสมผสาน พร้อมจุดถ่ายภาพ แนะนำการพัฒนา สื่อดิจิทัลและป้ายความรู้ ภายในศูนย์ เช่น QR Code แสดงวิดีโอวิธีแปรรูป, การปลูกฝรั่งแบบอินทรีย์ และเนื้อหาสาระด้านสุขภาพจากผลผลิต ให้แนวทางการยกระดับศูนย์เรียนรู้ให้เข้าสู่ระบบ แหล่งเรียนรู้มาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการหรือการท่องเที่ยวฯ

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้รวบรวมข้อมูลความต้องการเชิงลึก และจะดำเนินการประสานงานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณพัฒนาในระยะต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19250]
7500 1
3 [19251]

ลำดับที่ 36

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชน เกษตรแปรรูปและท่องเที่ยวชุมชนบ้านเหมือง

ผู้ประกอบการ : นางพิมลพรรณ ไชยคำ

ที่อยู่:   25 ม.2 ต.ศรีนคร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย 64180

เบอร์ติดต่อ: 0806371418

ผลิตภัณฑ์ส้มลิ้ม แปรรูปสินค้าเกษตรและจำหน่าย ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการนำขยะมาทำเป็นเชื้อเพลิง ประเภทน้ำมันดีเซล

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :การให้คำปรึกษาแก่ วิสาหกิจชุมชนเกษตรแปรรูปและท่องเที่ยวชุมชนบ้านเหมือง ซึ่งดำเนินกิจกรรมหลักด้านการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร (เช่น "ส้มลิ้ม") และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในชุมชน พบว่ากลุ่มมีแนวคิดพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการ นำขยะหรือของเสียในพื้นที่มาผลิตเป็นเชื้อเพลิงน้ำมันดีเซล เพื่อลดต้นทุนพลังงานและบริหารจัดการขยะภายในชุมชน โดยคณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในประเด็นสำคัญ ดังนี้ แนวทางการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง (Pyrolysis Technology) แนะนำหลักการของ เทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis) หรือการสลายตัวของพลาสติกด้วยความร้อนในสภาวะไร้ออกซิเจน เพื่อเปลี่ยนพลาสติกที่ใช้แล้วให้กลายเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น น้ำมันดีเซลเทียม ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับชนิดของพลาสติกที่สามารถนำมาแปรรูปได้ เช่น HDPE, LDPE และ PP ซึ่งพบได้ในบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั่วไป อธิบายกระบวนการพื้นฐานของเครื่องต้นแบบ และความจำเป็นในการควบคุมอุณหภูมิ ความดัน และระบบควบแน่น เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ ยกตัวอย่างต้นแบบเครื่องไพโรไลซิสขนาดชุมชน ที่มีการใช้งานแล้วในบางพื้นที่ เพื่อเป็นแนวทางนำร่องศึกษาความเหมาะสมและการใช้งานจริง การจัดการขยะเชิงระบบและความปลอดภัย ให้คำแนะนำเรื่องการคัดแยกขยะที่เหมาะสมกับการแปรรูป เช่น หลีกเลี่ยงพลาสติกประเภท PVC, ขยะอินทรีย์ และวัสดุปนเปื้อนอื่น ๆ เสนอแนวทางการควบคุมมลภาวะทางอากาศ กลิ่น และสารตกค้าง เพื่อให้การแปรรูปมีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานและชุมชน ให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนและข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น กรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือ อบต.) หากมีการใช้งานในเชิงพาณิชย์ การเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เสนอแนวคิดการใช้ศูนย์แปรรูปขยะพลังงานเป็น “แหล่งเรียนรู้เชิงสิ่งแวดล้อม” ในศูนย์การเรียนรู้ท่องเที่ยวชุมชน แนะนำการสื่อสารแบรนด์ชุมชนในมิติของ “การเกษตรอัจฉริยะ” และ “การบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืน” เพื่อสร้างจุดเด่นในการท่องเที่ยวเรียนรู้

สรุปผลการทำงาน:  คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลเชิงลึกของปัญหาและความต้องการ พร้อมประสานกับนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลังงานทดแทนและการออกแบบระบบต้นแบบเพื่อยื่นขอรับการสนับสนุนงบประมาณและพัฒนารูปธรรมที่ใช้งานได้จริงในระยะต่อไป

 



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19251]
7500 1
3 [19252]

ลำดับที่ 37

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนไร่ตาปายายม้าย

ผู้ประกอบการ : นายวีรยุทธ์  อิ่มชา

ที่อยู่:   49/1 ม.2ต.นาเชิง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 64160

เบอร์ติดต่อ: 0918959635

ผลิตภัณฑ์อ้อยคั้นน้ำ กล้วยน้ำว้า

ปัญหาและความต้องการ :1.อยากได้เครื่องมือตัวกวนอ้อยและความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของผงเกี่ยวกับสุขภาพ 2.ต้องการแปรรูปเพื่อให้ผลผลิตเก็บได้นาน 3.บรรจุภัณฑ์ยังไม่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์

การให้คำปรึกษา และข้อมูล : จากการให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ผลิตที่มีผลผลิตหลัก ได้แก่ อ้อยคั้นน้ำ และ กล้วยน้ำว้า พบว่า มีความต้องการในการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยืดอายุผลิตภัณฑ์ให้เก็บได้นานขึ้น และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับรูปแบบสินค้า โดยคณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ การพัฒนาเครื่องมือแปรรูปและการสกัดสารออกฤทธิ์ ให้คำแนะนำในการจัดหา เครื่องกวนอ้อย (Mixing Device) หรือ เครื่องกวนผงอ้อย สำหรับการแปรรูปน้ำอ้อยให้เป็นผง (Dehydrated Cane Juice Powder) หรือผงอ้อยผสมสมุนไพร ซึ่งสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ชงดื่ม หรือใช้ในอาหารฟังก์ชัน แนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับ คุณประโยชน์ของน้ำอ้อยผง ได้แก่ สารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุเหล็ก และโพลีฟีนอล ซึ่งสามารถส่งเสริมการตลาดในกลุ่มผู้บริโภคสุขภาพ ให้ข้อมูลเรื่องการใช้ เทคโนโลยีอบแห้ง (Spray drying หรือ Vacuum drying) เพื่อผลิตน้ำอ้อยผงที่ละลายน้ำได้ดีและมีคุณภาพสม่ำเสมอ การยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ แนะนำการแปรรูปกล้วยน้ำว้า เช่น กล้วยตากอบแห้ง กล้วยอบเนย กล้วยแช่อิ่ม หรือการพัฒนาเป็นกล้วยบดอัดแท่งพร้อมทาน โดยใช้เทคโนโลยีการควบคุมความชื้น และบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันออกซิเจนและความชื้น สำหรับน้ำอ้อย แนะนำการพาสเจอไรซ์ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม (65-75°C) ร่วมกับการบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Hot-fill หรือ aseptic packaging) เพื่อยืดอายุการเก็บได้ถึง 6 เดือนโดยไม่ใช้วัตถุกันเสีย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ให้คำแนะนำการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท เช่น ถุงฟอยล์ซิปล็อคสำหรับผงอ้อยหรือผงสมุนไพร ขวด PET หรือขวดแก้วทนร้อนสำหรับน้ำอ้อยพาสเจอไรซ์ ถุงสูญญากาศหรือบรรจุภัณฑ์แบบปิดผนึกด้วยความร้อนสำหรับกล้วยอบ แนะนำการออกแบบฉลากที่สามารถสื่อสารคุณค่าทางสุขภาพและความเป็นธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ พร้อม QR Code สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลผลิตภัณฑ์และแหล่งผลิต

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเครื่องจักรอาหาร เทคโนโลยีแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเสนอโครงการของบประมาณในการพัฒนาระบบผลิตต้นแบบอย่างครบวงจรในระยะถัดไป

ลำดับที่ 37

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนไร่ตาปายายม้าย

ผู้ประกอบการ : นายวีรยุทธ์  อิ่มชา

ที่อยู่:   49/1 ม.2ต.นาเชิง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 64160

เบอร์ติดต่อ: 0918959635

ผลิตภัณฑ์อ้อยคั้นน้ำ กล้วยน้ำว้า

ปัญหาและความต้องการ :1.อยากได้เครื่องมือตัวกวนอ้อยและความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของผงเกี่ยวกับสุขภาพ 2.ต้องการแปรรูปเพื่อให้ผลผลิตเก็บได้นาน 3.บรรจุภัณฑ์ยังไม่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์

การให้คำปรึกษา และข้อมูล : จากการให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ผลิตที่มีผลผลิตหลัก ได้แก่ อ้อยคั้นน้ำ และ กล้วยน้ำว้า พบว่า มีความต้องการในการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยืดอายุผลิตภัณฑ์ให้เก็บได้นานขึ้น และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับรูปแบบสินค้า โดยคณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ การพัฒนาเครื่องมือแปรรูปและการสกัดสารออกฤทธิ์ ให้คำแนะนำในการจัดหา เครื่องกวนอ้อย (Mixing Device) หรือ เครื่องกวนผงอ้อย สำหรับการแปรรูปน้ำอ้อยให้เป็นผง (Dehydrated Cane Juice Powder) หรือผงอ้อยผสมสมุนไพร ซึ่งสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ชงดื่ม หรือใช้ในอาหารฟังก์ชัน แนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับ คุณประโยชน์ของน้ำอ้อยผง ได้แก่ สารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุเหล็ก และโพลีฟีนอล ซึ่งสามารถส่งเสริมการตลาดในกลุ่มผู้บริโภคสุขภาพ ให้ข้อมูลเรื่องการใช้ เทคโนโลยีอบแห้ง (Spray drying หรือ Vacuum drying) เพื่อผลิตน้ำอ้อยผงที่ละลายน้ำได้ดีและมีคุณภาพสม่ำเสมอ การยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ แนะนำการแปรรูปกล้วยน้ำว้า เช่น กล้วยตากอบแห้ง กล้วยอบเนย กล้วยแช่อิ่ม หรือการพัฒนาเป็นกล้วยบดอัดแท่งพร้อมทาน โดยใช้เทคโนโลยีการควบคุมความชื้น และบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันออกซิเจนและความชื้น สำหรับน้ำอ้อย แนะนำการพาสเจอไรซ์ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม (65-75°C) ร่วมกับการบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Hot-fill หรือ aseptic packaging) เพื่อยืดอายุการเก็บได้ถึง 6 เดือนโดยไม่ใช้วัตถุกันเสีย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ให้คำแนะนำการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท เช่น ถุงฟอยล์ซิปล็อคสำหรับผงอ้อยหรือผงสมุนไพร ขวด PET หรือขวดแก้วทนร้อนสำหรับน้ำอ้อยพาสเจอไรซ์ ถุงสูญญากาศหรือบรรจุภัณฑ์แบบปิดผนึกด้วยความร้อนสำหรับกล้วยอบ แนะนำการออกแบบฉลากที่สามารถสื่อสารคุณค่าทางสุขภาพและความเป็นธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ พร้อม QR Code สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลผลิตภัณฑ์และแหล่งผลิต

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเครื่องจักรอาหาร เทคโนโลยีแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเสนอโครงการของบประมาณในการพัฒนาระบบผลิตต้นแบบอย่างครบวงจรในระยะถัดไป

ลำดับที่ 37

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนไร่ตาปายายม้าย

ผู้ประกอบการ : นายวีรยุทธ์  อิ่มชา

ที่อยู่:   49/1 ม.2ต.นาเชิง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 64160

เบอร์ติดต่อ: 0918959635

ผลิตภัณฑ์อ้อยคั้นน้ำ กล้วยน้ำว้า

ปัญหาและความต้องการ :1.อยากได้เครื่องมือตัวกวนอ้อยและความรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของผงเกี่ยวกับสุขภาพ 2.ต้องการแปรรูปเพื่อให้ผลผลิตเก็บได้นาน 3.บรรจุภัณฑ์ยังไม่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์

การให้คำปรึกษา และข้อมูล : จากการให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ผลิตที่มีผลผลิตหลัก ได้แก่ อ้อยคั้นน้ำ และ กล้วยน้ำว้า พบว่า มีความต้องการในการพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยืดอายุผลิตภัณฑ์ให้เก็บได้นานขึ้น และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับรูปแบบสินค้า โดยคณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ การพัฒนาเครื่องมือแปรรูปและการสกัดสารออกฤทธิ์ ให้คำแนะนำในการจัดหา เครื่องกวนอ้อย (Mixing Device) หรือ เครื่องกวนผงอ้อย สำหรับการแปรรูปน้ำอ้อยให้เป็นผง (Dehydrated Cane Juice Powder) หรือผงอ้อยผสมสมุนไพร ซึ่งสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ชงดื่ม หรือใช้ในอาหารฟังก์ชัน แนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับ คุณประโยชน์ของน้ำอ้อยผง ได้แก่ สารต้านอนุมูลอิสระ ธาตุเหล็ก และโพลีฟีนอล ซึ่งสามารถส่งเสริมการตลาดในกลุ่มผู้บริโภคสุขภาพ ให้ข้อมูลเรื่องการใช้ เทคโนโลยีอบแห้ง (Spray drying หรือ Vacuum drying) เพื่อผลิตน้ำอ้อยผงที่ละลายน้ำได้ดีและมีคุณภาพสม่ำเสมอ การยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ แนะนำการแปรรูปกล้วยน้ำว้า เช่น กล้วยตากอบแห้ง กล้วยอบเนย กล้วยแช่อิ่ม หรือการพัฒนาเป็นกล้วยบดอัดแท่งพร้อมทาน โดยใช้เทคโนโลยีการควบคุมความชื้น และบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันออกซิเจนและความชื้น สำหรับน้ำอ้อย แนะนำการพาสเจอไรซ์ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม (65-75°C) ร่วมกับการบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Hot-fill หรือ aseptic packaging) เพื่อยืดอายุการเก็บได้ถึง 6 เดือนโดยไม่ใช้วัตถุกันเสีย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ให้คำแนะนำการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท เช่น ถุงฟอยล์ซิปล็อคสำหรับผงอ้อยหรือผงสมุนไพร ขวด PET หรือขวดแก้วทนร้อนสำหรับน้ำอ้อยพาสเจอไรซ์ ถุงสูญญากาศหรือบรรจุภัณฑ์แบบปิดผนึกด้วยความร้อนสำหรับกล้วยอบ แนะนำการออกแบบฉลากที่สามารถสื่อสารคุณค่าทางสุขภาพและความเป็นธรรมชาติของผลิตภัณฑ์ พร้อม QR Code สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลผลิตภัณฑ์และแหล่งผลิต

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเครื่องจักรอาหาร เทคโนโลยีแปรรูป และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเสนอโครงการของบประมาณในการพัฒนาระบบผลิตต้นแบบอย่างครบวงจรในระยะถัดไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19252]
5000 1
3 [19253]

ลำดับที่ 38

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนกรพัฒนกิจ

ผู้ประกอบการ : นางสาวชาญพิญช์คูณ ประสุขทวีสิน

ที่อยู่:   37 ม.5 ต.ศรีนคร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 0611564563

ผลิตภัณฑ์มะม่วงหาวมะนาวโห่อบแห้ง

ปัญหาและความต้องการ :1.ต้องการเครื่องจักรในการแกะเมล็ด 2.ต้องการขอ อย. และวิธีการยืดอายุการเก็บรักษา

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :จากการให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ประกอบการที่ผลิต มะม่วงหาวมะนาวโห่อบแห้ง พบว่ากลุ่มมีความต้องการหลักใน 2 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตผ่านการใช้เครื่องจักร และการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้สามารถยื่นขอเลขสารบบอาหาร (อย.) ได้ รวมถึงการยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ให้สามารถขยายตลาดได้มากขึ้น โดยคณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ดังนี้ การใช้เครื่องจักรแกะเมล็ดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ แนะนำแนวทางการจัดหาเครื่องจักรสำหรับการแกะเมล็ด มะม่วงหาวมะนาวโห่ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีเมล็ดแข็งและขนาดเล็ก โดยเสนอเครื่องกดแยกเมล็ดกึ่งอัตโนมัติหรือเครื่องแบบใบมีดหมุนที่ออกแบบให้เหมาะกับผลไม้เนื้อนุ่ม ให้คำแนะนำในการออกแบบหรือปรับแต่งเครื่องต้นแบบร่วมกับนักวิจัยด้านเครื่องจักรเกษตรหรือวิศวกรรมอาหาร เพื่อให้เหมาะกับลักษณะผลผลิตเฉพาะกลุ่ม ชี้แนวทางการขอรับการสนับสนุนทุนอุดหนุนเครื่องต้นแบบผ่านโครงการของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สวทช., สกสว., หรือ มหาวิทยาลัยในพื้นที่ เครื่องแกะเมล็ดมะม่วงหาวมะนาวโห่ เป็นเครื่องจักรที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแยกเนื้อและเมล็ดของผลมะม่วงหาวมะนาวโห่ ซึ่งมีลักษณะเมล็ดแข็งและเปลือกบาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดภาระแรงงาน และรักษาคุณภาพของเนื้อผลไม้ให้เหมาะสมต่อการแปรรูปในขั้นตอนต่อไป เช่น การอบแห้ง การทำแยม หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ ลักษณะทั่วไปของเครื่อง ระบบการทำงาน: แบบกึ่งอัตโนมัติ ใช้กลไกลูกกลิ้งหรือใบมีดหมุนประกบกับถาดป้อนผลไม้ โดยเน้นการควบคุมแรงกดให้เหมาะสมกับขนาดของผลเพื่อไม่ให้เนื้อเละหรือเมล็ดแตก โครงสร้างเครื่อง: ทำจากสเตนเลสเกรดอาหาร (Food Grade SS304) เพื่อความปลอดภัยและการทำความสะอาดง่าย มอเตอร์ไฟฟ้า: ใช้มอเตอร์ขนาดประมาณ 0.5-1 แรงม้า สามารถปรับความเร็วได้ (Variable Speed Motor) ชุดแยกเนื้อและเมล็ด: ออกแบบให้เนื้อไหลออกสู่ถาดรวบรวม ส่วนเมล็ดถูกแยกไปอีกทางหนึ่งโดยไม่ปะปน ระบบความปลอดภัย: มีฝาครอบและเซนเซอร์ตัดไฟเมื่อเปิดฝา ข้อดีของเครื่อง ประหยัดเวลา: สามารถแกะเมล็ดผลสดได้มากกว่า 10–20 กิโลกรัมต่อชั่วโมง ลดความเสียหายของเนื้อผลไม้: คงสภาพเนื้อไว้ได้มากกว่า 80–90% ของผลผลิต สะอาดและปลอดภัย: วัสดุที่ใช้ผลิตผ่านมาตรฐานอาหาร เหมาะกับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ใช้งานง่าย: เหมาะสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรรายย่อย สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถพัฒนาเป็นต้นแบบร่วมกับนักวิจัยหรืออุทยานวิทยาศาสตร์ในมหาวิทยาลัยใกล้เคียง หากงบประมาณจำกัด อาจใช้วิธีประยุกต์จากเครื่องแยกเมล็ดเชอร์รี่/ลำไย โดยปรับระยะลูกกลิ้งและแรงกดให้เหมาะกับขนาดของผลมะม่วงหาวมะนาวโห่

แนวทางยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ ให้คำปรึกษาการใช้เทคโนโลยี การอบแห้งแบบลมร้อน (Hot Air Drying) ที่ควบคุมอุณหภูมิประมาณ 55–60°C เพื่อคงสี กลิ่น รส และสารสำคัญ เช่น แอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญของมะม่วงหาวมะนาวโห่ แนะนำการใช้ บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันออกซิเจนและความชื้น เช่น ถุงฟอยล์ปิดผนึก หรือสูญญากาศ ร่วมกับการใส่ซองดูดออกซิเจน (Oxygen absorber) เพื่อยืดอายุการเก็บถึง 6–12 เดือน เสนอแนวทางการทำ Shelf-life testing เพื่อประเมินอายุการเก็บอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ประกอบการยื่นขอ อย. การยื่นขอเลข อย. และเตรียมความพร้อมด้านมาตรฐาน ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการยื่นขอ เลขสารบบอาหาร (อย.) ประเภทอาหารแปรรูปจากพืช พร้อมคำแนะนำในการจัดทำเอกสาร ได้แก่ ฉลากผลิตภัณฑ์ แหล่งที่มาวัตถุดิบ และกระบวนการผลิต ให้คำแนะนำในการจัดเตรียมสถานที่ให้ผ่านเกณฑ์ GMP ขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย โดยเน้นความสะอาด การจัดวางอุปกรณ์อย่างเป็นระบบ และการควบคุมสุขลักษณะของผู้ปฏิบัติงาน

สรุปผลการทำงาน: จากการให้คำปรึกษาในครั้งนี้ ผู้ประกอบการมีแนวทางชัดเจนในการยกระดับกระบวนการผลิต โดยเฉพาะในด้านการแกะเมล็ด การควบคุมคุณภาพการอบแห้ง และการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยืดอายุการเก็บรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งได้รับความรู้พื้นฐานที่สามารถเตรียมความพร้อมในการขอ อย. เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ในตลาด คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้เก็บข้อมูลความต้องการเชิงลึก เพื่อนำไปประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานพัฒนาเครื่องจักรต้นแบบและระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานในระยะต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19253]
5000 1
3 [19254]

ลำดับที่ 39

กลุ่ม/ชุมชน: Satu Wine

ผู้ประกอบการ : นายดิเรก ขวัญถาวร

ที่อยู่:   35 ม.5 ต.บ้านน้ำพุ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 64160

เบอร์ติดต่อ: 0813488088

ผลิตภัณฑ์Satu Wine ประเภทเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ (สุราแช่/ไวน์)

ปัญหาและความต้องการ :1.การขออนุญาตตั้งโรงงาน,พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ 2.ปัญหามีตะกอน,การลดกลิ่นฉุน,การบ่มและการเก็บ,การจัดการอุณหภูมิห้องหมักและห้องบ่ม,การบรรจุ 3.ไม่มีโรงหมักและบ่ม 4.ยังไม่มีเครื่องจักรและโรงงาน

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :จากการให้คำปรึกษากลุ่มผู้พัฒนาเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์พื้นถิ่นภายใต้แบรนด์ “Satu Wine” ซึ่งมีเป้าหมายในการยกระดับผลิตภัณฑ์สู่มาตรฐานอุตสาหกรรม พบว่ากลุ่มยังอยู่ในระยะเริ่มต้น โดยมีข้อจำกัดด้านสถานที่ผลิต เครื่องจักร รวมถึงปัญหาในกระบวนการหมักและบ่ม คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีจึงได้ให้คำปรึกษาในประเด็นสำคัญด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ดังนี้

1. แนวทางการขออนุญาตโรงงานผลิตสุราแช่ (ตามกฎหมายไทย) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการขออนุญาตจัดตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทสุราแช่ ตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น การขออนุญาตจากกรมสรรพสามิต การกำหนดพื้นที่ตั้งโรงงานให้ห่างจากสถานศึกษา วัด หรือชุมชนตามเกณฑ์ การจัดเตรียมแบบแปลนโรงงาน ระบบบำบัด กลิ่น น้ำเสีย ฯลฯ แนะนำให้เริ่มจาก โรงงานขนาดย่อม (ไม่เกิน 200,000 ลิตรต่อปี) ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถดำเนินการในระดับชุมชนหรือวิสาหกิจได้

2. การพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ (แก้ปัญหาตะกอน กลิ่นฉุน และการบ่ม) ให้คำแนะนำเทคโนโลยีในการ ลดตะกอน ด้วยการใช้ระบบกรอง (filter press) และการตกตะกอนด้วยสารธรรมชาติ เช่น เบนโทไนต์ (Bentonite) แนะนำกระบวนการ การบ่มไวน์ โดยใช้ถังสเตนเลสควบคุมอุณหภูมิ หรือถังไม้โอ๊ค (Oak barrel) หากต้องการกลิ่นรสเฉพาะตัว ให้ข้อมูลการควบคุมกลิ่นฉุนจากการหมักด้วยการปรับสัดส่วนของยีสต์และสารอาหารยีสต์ รวมถึงการควบคุมอุณหภูมิห้องหมักให้อยู่ระหว่าง 18–22 องศาเซลเซียส เสนอระบบ ห้องหมักและห้องบ่มควบคุมอุณหภูมิ ด้วยเครื่องควบคุมความเย็น (chiller) ขนาดเล็กที่เหมาะกับโรงงานขนาดชุมชน

3. การออกแบบเครื่องจักรและกระบวนการบรรจุ แนะนำเครื่องจักรขนาดย่อม เช่น เครื่องกรองไวน์ เครื่องบรรจุขวดสุญญากาศ และเครื่องปิดฝาขวด ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ขวดแก้วทึบแสงที่ป้องกันปฏิกิริยาแสงและรักษาคุณภาพรสชาติ เสนอให้พัฒนาระบบ "Bottle Aging" สำหรับไวน์ที่ต้องการรสชาติกลมกล่อมจากการเก็บ

สรุปผลการทำงาน: การให้คำปรึกษาครั้งนี้ช่วยให้กลุ่มผู้พัฒนา Satu Wine เข้าใจภาพรวมของการขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตสุราแช่ และมองเห็นแนวทางการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ไวน์จากการจัดการตะกอน การควบคุมกลิ่นฉุน และการบ่มอย่างมีระบบ โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับระดับการผลิตในชุมชน พร้อมทั้งได้แนวทางในการออกแบบโรงหมักขนาดย่อมและเครื่องจักรแปรรูปเบื้องต้น คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการหมัก การควบคุมคุณภาพไวน์ และระบบบรรจุ เพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาเชิงลึกต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19254]
5000 1
3 [19255]

ลำดับที่ 40

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตเกษตรบ้านเหนือรวมน้ำใจ ตำบลปากน้ำสวรรคโลก

ผู้ประกอบการ : นางสาววรรณภา  ปะวันเต

ที่อยู่:   52 ม.1 ต.ปากน้ำ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย 64110

เบอร์ติดต่อ: 0905012575

ผลิตภัณฑ์น้ำพริกลาบมะแข่วน

ปัญหาและความต้องการ :ยืดอายุการเก็บรักษา และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :1. การยืดอายุการเก็บรักษา (Shelf-life Extension)
การยืดอายุของน้ำพริกลาบมะแขว่นจำเป็นต้องอาศัยหลักการทางวิทยาศาสตร์ด้านจุลชีววิทยาและวิศวกรรมอาหารร่วมกัน โดยต้องวิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมคุณภาพ ได้แก่ ปริมาณน้ำ (water activity), ค่า pH, ปริมาณเกลือ/กรด, และระดับจุลินทรีย์ที่มีผลต่อการเน่าเสีย แนวทางที่แนะนำ คือ เทคนิคการให้ความร้อน (Heat Treatment): ใช้การฆ่าเชื้อด้วยการพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurization) ที่อุณหภูมิ 80–95°C ระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อควบคุมจุลินทรีย์ก่อโรคและลดการเจริญเติบโตของยีสต์และรา การควบคุมค่า Aw และ pH: ปรับสูตรโดยเพิ่มวัตถุกันเสียจากธรรมชาติ เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู หรือน้ำมันที่ช่วยเคลือบผิว ลดการสัมผัสออกซิเจน และยับยั้งจุลินทรีย์ โดยมีเป้าหมายให้ Aw ต่ำกว่า 0.85 และ pH ต่ำกว่า 4.6 การบรรจุแบบปลอดเชื้อ แนะนำให้ใช้ระบบบรรจุขณะร้อน (hot filling) หรือการบรรจุในสภาวะปลอดเชื้อ (aseptic packaging) เพื่อลดการปนเปื้อนจากภายนอก การทดสอบอายุการเก็บรักษา: ให้ดำเนินการทดสอบ shelf-life ในอุณหภูมิจริงและอุณหภูมิเร่ง เพื่อประมาณอายุการเก็บรักษาที่เหมาะสม พร้อมตรวจสอบคุณภาพทางประสาทสัมผัสและจุลชีววิทยาในแต่ละช่วงเวลา

2. การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย การออกแบบบรรจุภัณฑ์ควรสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคเป้าหมาย เช่น กลุ่มวัยทำงานและผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งต้องการสินค้าสะอาด ปลอดภัย ใช้งานสะดวก และมีภาพลักษณ์ร่วมสมัย วัสดุบรรจุภัณฑ์ แนะนำใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดถุง Doypack ที่ทนความร้อนและสามารถซีลสนิท (heat sealable pouch) หรือขวด PET/PP ที่สามารถรองรับการบรรจุแบบ hot-fill มีคุณสมบัติป้องกันแสงและอากาศ เพื่อยืดอายุสินค้า ฉลากอัจฉริยะ (Smart Label) เพิ่ม QR Code สำหรับเชื่อมโยงข้อมูลแหล่งผลิต วิธีการใช้ หรือข้อมูลโภชนาการ เพื่อเสริมภาพลักษณ์สินค้าเชิงสุขภาพและความโปร่งใส การออกแบบเพื่อสะดวกใช้: บรรจุภัณฑ์ควรมีฝาเปิด–ปิดสะดวก พกพาได้ เหมาะกับการบริโภคในหนึ่งมื้อหรือหลายครั้ง โดยไม่ทำให้สินค้าเสียคุณภาพ การพัฒนาเชิงภาพลักษณ์ ออกแบบกราฟิกและสื่อสารอัตลักษณ์ของ “ลาบมะแขว่น” ให้ชัดเจน สื่อถึงความเป็นอาหารพื้นถิ่นล้านนาที่ทันสมัย มีความพิเศษเฉพาะถิ่น และมีรสชาติโดดเด่นเพื่อสร้างความแตกต่างจากน้ำพริกทั่วไป

 

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาเชิงลึกต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19255]
5000 1
3 [19256]

ลำดับที่ 41

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนสวนสานฝันพอเพียง

ผู้ประกอบการ : นางนุชนาฎ พัดกล่อม

ที่อยู่:   28 หมู่ที่ 7 ต.หนองหญ้าปล้อง อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย 64140

เบอร์ติดต่อ: 0637124094

ผลิตภัณฑ์น้ำพริกแจ่วบอง,น้ำพริกจิ้งหรีด

ปัญหาและความต้องการ :1.ปัญหาคืออายุการเก็บรักษา เก็บได้ 2 เดือน อยากให้ช่วยดูเรื่องอายุ กลุ่มไม่ได้ อย. อยากให้ช่วยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ อยากได้เครื่องบดเครื่องอบแห้ง 2.ต้องการพัฒนาเครื่องจักรในกระบวนการผลิต ใช้แทนคนและเพิ่มกำลังการผลิต 3.ต้องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัย

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :จากการลงพื้นที่ให้คำปรึกษาแก่กลุ่มผู้ผลิตน้ำพริกพื้นถิ่น ได้แก่ น้ำพริกแจ่วบอง และ น้ำพริกจิ้งหรีด พบว่าผู้ประกอบการประสบปัญหาหลักด้านอายุการเก็บรักษาที่สั้น (ประมาณ 2 เดือน) และยังไม่ได้รับรองมาตรฐาน อย. อีกทั้งกระบวนการผลิตยังพึ่งพาแรงงานคนเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงต้องการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดในปัจจุบัน คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ดังนี้

1. การยืดอายุการเก็บรักษาและการขอ อย. แนะนำการใช้ กระบวนการพาสเจอไรซ์ (Pasteurization) สำหรับน้ำพริกที่มีความชื้นปานกลาง โดยควบคุมอุณหภูมิที่ประมาณ 85–90°C เป็นเวลา 10–15 นาที แล้วบรรจุร้อนในภาชนะทนความร้อน (Hot-fill) แนะนำทางเลือกในการลดความชื้น เช่น การอบแห้งบางส่วน (Semi-drying) หรือการใช้ เครื่องอบลมร้อน ควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อคงคุณภาพรสชาติและยืดอายุการเก็บได้นานกว่า 6 เดือน ให้คำปรึกษาด้านการเตรียมเอกสารเพื่อยื่น ขอเลขสารบบอาหาร (อย.) และการปรับปรุงพื้นที่ผลิตตามเกณฑ์ GMP สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย

2. การพัฒนาเครื่องจักรในกระบวนการผลิต แนะนำการจัดหา เครื่องบดพริก/วัตถุดิบแบบโถปั่นสเตนเลส สำหรับเพิ่มกำลังการบดได้ต่อเนื่อง และคงความสะอาด ปลอดภัย เสนอเครื่องอบลมร้อนขนาดเล็ก–กลาง สำหรับการอบจิ้งหรีดหรือสมุนไพรส่วนผสมของน้ำพริก เสนอการออกแบบสายการผลิตขนาดเล็กที่มีลำดับการทำงาน เช่น บด > คลุก > อบ > บรรจุ เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาเป็น ครัวกลางชุมชน

3. การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย ให้คำแนะนำด้านการพัฒนา บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับลักษณะสินค้า เช่น ซองฟอยล์ซิปล็อกสำหรับน้ำพริกอบแห้ง หรือกระปุก PET ทรงเตี้ยสำหรับน้ำพริกเปียก พร้อมฝาเกลียวแน่นเสนอการออกแบบฉลากที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น เช่น ใช้ลายผ้าพื้นเมืองหรือภาพวัตถุดิบ พร้อม QR Code เชื่อมโยงไปยังวิดีโอ/เว็บไซต์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ แนะนำการใช้บริการของนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชุมชน (CDI หรือมหาวิทยาลัยที่มีคณะศิลปกรรม/นิเทศศิลป์)

สรุปผลการทำงาน: จากการให้คำปรึกษาครั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตน้ำพริกได้รับองค์ความรู้ในการยืดอายุผลิตภัณฑ์โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับระดับการผลิตของชุมชน เช่น การพาสเจอไรซ์ การอบลมร้อน และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ทันสมัยและดึงดูดตลาดมากขึ้น พร้อมทั้งแนวทางการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่และเอกสารเพื่อขอ อย. คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้เก็บข้อมูลเชิงลึกเพื่อประสานนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแปรรูปอาหาร เครื่องจักรขนาดย่อม และการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อเสนอโครงการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาเชิงลึกต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19256]
5000 1
3 [19246]

ลำดับที่ 31

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ฯ วิถีโคกหนองนา

ผู้ประกอบการ : นางสาวณัชชา ทองคำ

ที่อยู่:   140 ม.3 ต.บ้านป้อม อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย 64160

เบอร์ติดต่อ: 0966685946

ผลิตภัณฑ์ปลาส้ม แปรรูปปลาส้ม ปลาสร้อย ปลาแม่น้ำ

ปัญหาและความต้องการ :1.ต้องการพัฒนากระบวนการเก็บรักษาวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ศูนย์ยากาศ เดิมอายุการเก็บรักษาประมาณ 1 เดือน ในตู้แช่ทั่วไป หากเก็บไว้ในตู้แช่แข็งจะมีอายุ 3 เดือน 2.ต้องการแปรรูปปลาสร้อย

การให้คำปรึกษา และข้อมูล : จากการวิเคราะห์ข้อมูลผลิตภัณฑ์ประเภทปลาส้ม ปลาสร้อย และปลาแม่น้ำแปรรูป พบว่าผู้ประกอบการมีความต้องการยกระดับคุณภาพใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ การยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ และการพัฒนาการแปรรูปปลาสร้อยให้มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งคณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้ให้คำปรึกษาดังนี้:

ด้านการยืดอายุการเก็บรักษาและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ แนะนำการใช้ ระบบบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ (Vacuum Packaging) ร่วมกับการแช่เย็นหรือแช่แข็ง เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และลดการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์ โดยแนะนำให้ใช้ถุงฟิล์มที่มีคุณสมบัติเป็น Barrier สูง เช่น Nylon/PE หรือ EVOH ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ Modified Atmosphere Packaging (MAP) เป็นทางเลือกเสริม โดยเฉพาะหากต้องการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในรูปกึ่งสดพร้อมปรุง ให้คำแนะนำเรื่อง การควบคุมอุณหภูมิระหว่างการเก็บรักษา เพื่อยืดอายุจาก 1 เดือนเป็น 3-6 เดือนในสภาวะแช่แข็งที่อุณหภูมิ -18°C หรือเก็บแบบเย็นที่ 0-4°C ร่วมกับการบรรจุสุญญากาศ ด้านการแปรรูปปลาสร้อยและนวัตกรรมการพัฒนาเมนู แนะนำแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปลาสร้อย เช่น ปลาสร้อยทอดกรอบ ปลาสร้อยอบกรอบ ปลาสร้อยแนว snack bar หรือปลาสร้อยบดปรุงรสพร้อมทาน ให้ข้อมูลเรื่อง การลดกลิ่นคาวด้วยการหมักหรือใช้สมุนไพรในกระบวนการปรุง และแนวทางการทำปลาสร้อยกึ่งสำเร็จรูปแบบ ready-to-eat เพื่อเจาะตลาดสุขภาพ เสนอการใช้ เทคโนโลยีการทำแห้งแบบอบลมร้อน หรือ vacuum drying เพื่อลดน้ำหนัก ขยายอายุการเก็บ และเพิ่มความสะดวกในการจัดจำหน่าย

สรุปผลการทำงาน:  การให้คำปรึกษาครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการได้รับองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการยืดอายุการเก็บรักษาปลาส้มและการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากปลาสร้อย โดยอาศัยเทคโนโลยีการแปรรูปสมัยใหม่ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในระดับชุมชน เช่น ระบบบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ เทคโนโลยีแช่แข็ง และการอบแห้งเพื่อเพิ่มมูลค่า คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีได้จัดเก็บข้อมูลรายละเอียดเชิงลึก เพื่อนำไปประสานกับนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอาหารและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ เพื่อดำเนินการเสนอโครงการและขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นระบบในลำดับถัดไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/06/2568 [19246]
7500 1
2 [18736]

ลำดับที่ 22

กลุ่ม/ชุมชน: สวนพริกใจ

ผู้ประกอบการ : นายสนั่น คุยสี (เส)

ที่อยู่:   55 หมู่ 10ตำบลสากเหล็ก อำเภอสากเหล็ก จังหวัดพิจิตร

เบอร์ติดต่อ: 085-846-8787

ผลิตภัณฑ์กล้วยผงน้ำว้าดิบ ผงข้าวสามสี

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาสูตรที่ต่อยอดไปจากผงข้าวสามสี เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :การให้คำปรึกษาสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อยอดจากผงชงดื่มข้าวสามสี  ผลิตภัณฑ์ผงชงดื่มข้าวสามสีที่มีส่วนผสมของ ลูกเดือย โปรตีนถั่วเหลือง งาดำ งาขาว และข้าวฟ่างหางม้า มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเหมาะกับกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ

แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อยอด ได้แก่

1. เครื่องดื่มชงร้อน-เย็นแบบพิเศษ

 • เพิ่มสารสกัดจากพืชที่มีคุณสมบัติเด่น เช่น คอลลาเจนจากพืช ขมิ้นชัน หรือโกจิเบอร์รี่

 • ปรับรสชาติให้แตกต่าง เช่น สูตรหวานน้อย สูตรเพิ่มโปรตีน สูตรเสริมแคลเซียม

 2. ผงชงดื่มแบบ Instant Latte หรือ Plant-based Milk Mix

 • ปรับสูตรให้เป็นเครื่องดื่มนมธัญพืช สามารถละลายในน้ำร้อนหรือน้ำเย็นได้ง่าย

 • เพิ่มส่วนผสมที่ช่วยให้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม เช่น อินนูลิน หรือมอลโทเดกซ์ตริน

 3. บาร์ธัญพืชหรือโปรตีนบอล

 • ใช้ผงชงดื่มเป็นส่วนผสมหลัก ร่วมกับอินทผลัม น้ำผึ้ง หรือถั่วบด เพื่อทำเป็นโปรตีนบอล

 • ใช้เป็นสารให้ความหวานธรรมชาติสำหรับขนมเพื่อสุขภาพ

 4. ไอศกรีมธัญพืช

 • ใช้เป็นส่วนผสมในสูตรไอศกรีมเพื่อสุขภาพ เพิ่มเนื้อสัมผัสแ ละคุณค่าทางอาหาร

 • เพิ่มกะทิธัญพืชหรืออัลมอนด์มิลค์เพื่อทำให้เนื้อเนียนขึ้น

 5. แป้งสำเร็จรูปสำหรับทำแพนเค้กหรือมัฟฟินธัญพืช

 • ผสมกับแป้งข้าวโอ๊ต หรือแป้งข้าวกล้องเพื่อทำเป็นแป้งแพนเค้กสุขภาพ

 

สูตรและกรรมวิธีการผลิตผงชงดื่มข้าวสามสี

1 ส่วนผสมหลัก (สำหรับผลิต 1 กิโลกรัม) ประกอบด้วย ข้าวสามสี (ข้าวแดง ข้าวดำ ข้าวกล้องงอก) 40%  ลูกเดือย 20% โปรตีนถั่วเหลือง 15% งาดำ 10% งาขาว 10% ข้าวฟ่างหางม้า 5%

2 กรรมวิธีการผลิต

 2.1 การเตรียมวัตถุดิบ คัดเลือกวัตถุดิบที่สะอาด ปราศจากสิ่งเจือปน นำข้าวสามสี ลูกเดือย และข้าวฟ่างหางม้าไปล้างให้สะอาดและทำให้แห้ง นำงาดำและงาขาวไปคั่วเพื่อให้เกิดกลิ่นหอมและลดความชื้น

 2.2การอบและบด นำข้าวสามสี ลูกเดือย และข้าวฟ่างหางม้าไปอบที่อุณหภูมิ 100-120°C ประมาณ 30-40 นาที บดวัตถุดิบทุกชนิดให้เป็นผงละเอียดโดยใช้เครื่องบดละเอียด

 2.3 การผสมและควบคุมคุณภาพ นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกันให้เข้ากันดี ตรวจสอบความละเอียดของผงให้สม่ำเสมอ บรรจุลงในซองหรือกระป๋องที่สามารถป้องกันความชื้น

3.การเพิ่มมูลค่าและปรับปรุงสูตร ทำได้โดย เพิ่มรสชาติ: ผสมผงโกโก้ มัทฉะ หรือวานิลลา เพื่อเพิ่มรสชาติและทำให้ผลิตภัณฑ์หลากหลาย หรือเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ: เพิ่มอินนูลิน (ใยอาหาร), คอลลาเจนจากพืช หรือสารสกัดจากเมล็ดเจียเพื่อทำให้เหมาะกับตลาดสุขภาพ

การเลือกบรรจุภัณฑ์และการตลาด

1.ประเภทของบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม

 • ซองฟอยล์กันชื้น (Aluminum Foil Pouch): เหมาะสำหรับซองชงดื่มขนาดเล็ก พกพาง่าย

 • กระป๋องโลหะหรือพลาสติก (Canister Packaging): เพิ่มความหรูหรา และป้องกันความชื้นได้ดี

 • ซองแบบ Stick Pack: เหมาะกับการพกพาและช่วยให้สามารถขายเป็นเซ็ตขนาดเล็กได้

2.กลยุทธ์การตลาด

 • กำหนดกลุ่มเป้าหมาย:

 • กลุ่มรักสุขภาพที่ต้องการอาหารจากพืช

 • ผู้สูงอายุที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ย่อยง่ายและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

 • คนวัยทำงานที่ต้องการเครื่องดื่มเพื่อพลังงานและโปรตีน

 • ช่องทางจำหน่าย:

 • ขายผ่านออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, Facebook Marketplace

 • วางขายตามร้านสุขภาพ ร้านขายอาหารออร์แกนิก

 • เจาะตลาดคาเฟ่สุขภาพหรือร้านอาหารเพื่อสุขภาพ

การต่อยอดผลิตภัณฑ์ผงชงดื่มข้าวสามสีสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการปรับปรุงรสชาติ เพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น โปรตีนบอล บาร์ธัญพืช หรือเครื่องดื่มชงสำเร็จ โดยควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม และทำการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปผลการทำงาน: ส่งตัวผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเชิงลึกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กับแหล่งทุนภายในมหาวิทยาลัย คูปองวิทย์หรือบ่มเพาะชุมชน



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 22/03/2568 [18736]
5000 2
2 [18733]

ลำดับที่ 19

กลุ่ม/ชุมชน: ปลาร้าเจ้แป๊ว 2

ผู้ประกอบการ : นายเสนีย์ มงคลสมัคร์

ที่อยู่: 5/2หมู่ 8ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

เบอร์ติดต่อ: 085-592-2857

ผลิตภัณฑ์น้ำปลาร้าและปลาร้าบอง

ปัญหาและความต้องการ :การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผลิตภัณฑ์ด้วยเครื่องจักรหรือเครื่องกวนเพื่อลดระยะเวลาและควบคุมคุณภาพการผลิต

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :ปัญหาและความต้องการในการพัฒนาเครื่องจักรสำหรับการผัดปลาร้าโดยใช้เครื่องกวน

1. ปัญหาที่พบในการผัดปลาร้าโดยใช้เครื่องกวนแบบปัจจุบัน

 1.1 การควบคุมอุณหภูมิที่ไม่สม่ำเสมอ ปลาร้าที่ผ่านการผัดต้องใช้ความร้อนที่เหมาะสม หากอุณหภูมิไม่คงที่อาจส่งผลให้ปลาร้าไหม้ หรือไม่สุกทั่วถึง ปัญหานี้มักเกิดจากเครื่องกวนที่ไม่มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ

 1.2 การกวนที่ไม่ทั่วถึง เครื่องกวนบางรุ่นใช้ใบพายที่ไม่สามารถกระจายแรงกวนได้สม่ำเสมอ ทำให้ส่วนผสมติดก้นกระทะหรือไหม้ ปัญหานี้ส่งผลต่อคุณภาพของปลาร้าผัด ทำให้เนื้อสัมผัสและรสชาติไม่สม่ำเสมอ

 1.3 ปัญหาการใช้แรงงานสูง การใช้แรงงานคนในการกวนปลาร้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและความไม่สม่ำเสมอในการผลิต หากสามารถพัฒนาเครื่องกวนที่ทำงานอัตโนมัติได้ จะช่วยลดภาระของแรงงาน

 1.4 ต้นทุนเชื้อเพลิงและพลังงานสูง เครื่องกวนแบบเดิมอาจใช้พลังงานสิ้นเปลือง หรือใช้ระบบแก๊สที่มีประสิทธิภาพต่ำ หากสามารถพัฒนาเครื่องจักรที่ช่วยประหยัดพลังงาน จะช่วยลดต้นทุนการผลิต

 1.5 การบำรุงรักษาที่ยุ่งยาก เครื่องกวนบางรุ่นอาจทำความสะอาดยาก หรือมีชิ้นส่วนที่สึกหรอง่าย  จำเป็นต้องมีการออกแบบที่ช่วยให้บำรุงรักษาง่ายขึ้น

2. แนวทางการพัฒนาเครื่องกวนปลาร้าโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม

 2.1 ระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ (Smart Temperature Control) ติดตั้ง เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ (Temperature Sensor) ที่สามารถตรวจจับความร้อนของกระทะกวนและปรับระดับความร้อนอัตโนมัติ ใช้ ระบบควบคุมความร้อนแบบ PID (Proportional-Integral-Derivative Control) เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิให้คงที่

 2.2 ระบบกวนแบบหลายแกน (Multi-Axis Stirring System) ออกแบบใบพายกวนให้สามารถหมุนได้หลายทิศทาง เพื่อให้ส่วนผสมเคลื่อนที่ทั่วถึง ลดปัญหาส่วนที่ไหม้ติดกระทะ ใช้ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง (High Torque Motor) เพื่อช่วยเพิ่มแรงกวนให้สม่ำเสมอ

 2.3 ระบบอัตโนมัติสำหรับการผัดและเติมวัตถุดิบ (Automated Stirring and Ingredient Dispensing System) พัฒนา ระบบควบคุมอัตโนมัติ ที่สามารถกำหนดเวลาในการผัดและการเติมวัตถุดิบโดยใช้ PLC (Programmable Logic Controller) ติดตั้ง หัวจ่ายวัตถุดิบอัตโนมัติ (Automatic Ingredient Feeder) เพื่อลดการใช้แรงงานคนในการเติมเครื่องปรุง

 2.4 พลังงานทางเลือกเพื่อประหยัดต้นทุน ใช้ เตาอินฟราเรด (Infrared Burner) หรือ เตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า (Induction Heating) แทนการใช้แก๊ส เพื่อลดการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความร้อน ออกแบบระบบ Heat Recovery System เพื่อใช้ความร้อนเหลือทิ้งไปเพิ่มประสิทธิภาพของเตา

 2.5 การออกแบบที่ง่ายต่อการบำรุงรักษา ออกแบบ ถังผัดที่ถอดล้างง่าย (Removable Stirring Tank) เพื่อให้สามารถทำความสะอาดได้สะดวก ใช้วัสดุ สแตนเลสเกรดอาหาร (Food Grade Stainless Steel) เพื่อลดการกัดกร่อนและช่วยให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

 2.6 ระบบเชื่อมต่อ IoT สำหรับการติดตามกระบวนการผลิต (IoT-Based Monitoring System) พัฒนาแอปพลิเคชันที่สามารถตรวจสอบกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ผ่าน สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ติดตั้ง เซ็นเซอร์ตรวจจับความผิดปกติของเครื่องจักร เพื่อแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหา ลดโอกาสที่เครื่องจะขัดข้องในระหว่างการผลิต

3. ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากการพัฒนาเครื่องกวนปลาร้าแบบอัจฉริยะ

 3.1 เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดเวลาการผลิตลงได้มากขึ้นโดยที่คุณภาพของปลาร้าผัดยังคงสม่ำเสมอ

 3.2 ลดต้นทุนแรงงานและพลังงาน ลดการใช้แรงงานคนลง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถใช้บุคลากรไปทำงานอื่นที่เพิ่มมูลค่าได้ ลดต้นทุนพลังงานจากการใช้เตาอินฟราเรดหรือเตาเหนี่ยวนำ

 3.3 คุณภาพของผลิตภัณฑ์ดีขึ้น ควบคุมอุณหภูมิและการกวนให้สม่ำเสมอ ส่งผลให้ปลาร้ามีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่คงที่

 3.4 การบำรุงรักษาง่ายขึ้น ลดปัญหาคราบไหม้ติดกระทะ และช่วยให้การทำความสะอาดเครื่องจักรเป็นไปได้ง่ายขึ้น

 3.5 สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน นวัตกรรมนี้สามารถเพิ่มโอกาสให้ผู้ผลิตปลาร้าเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่ต้องการมาตรฐานความสะอาดและคุณภาพสูง

4. สรุปแนวทางการพัฒนา การพัฒนาเครื่องกวนปลาร้าให้มีระบบควบคุมอุณหภูมิอัจฉริยะ เพื่อลดปัญหาการไหม้และเพิ่มประสิทธิภาพในการกวน สามารถใช้วิธีการออกแบบระบบกวนแบบหลายแกน เพื่อลดการติดกระทะและทำให้การกวนทั่วถึง พร้อมติดตั้งระบบอัตโนมัติในการควบคุมกระบวนการผัดและเติมวัตถุดิบ เพื่อลดแรงงานคน ให้มีการใช้พลังงานทางเลือก เช่น เตาอินฟราเรด หรือเตาเหนี่ยวนำไฟฟ้า เพื่อลดต้นทุนพลังงาน  พัฒนาเครื่องกวนที่รองรับ IoT เพื่อให้สามารถตรวจสอบและควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้ จะช่วยให้การผลิตปลาร้าผัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต้นทุนลดลง คุณภาพดีขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น

สรุปผลการทำงาน: ส่งต่อความต้องการนี้ให้เกิดการปรึกษาเชิงลึกหรือทำให้การทำงานร่วมกัน และประสานเชื่อมโยงแหล่งให้ทุน เช่น วช  มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม คูปองวิทย์เพื่อโอทอป เป็นต้น



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 22/03/2568 [18733]
5000 1
2 [18735]

ลำดับที่ 21

กลุ่ม/ชุมชน: ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส เค ฟู้ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง

ผู้ประกอบการ : นางสาวขวัญชนก ทองมี

ที่อยู่:13 หมู่ 3ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร

เบอร์ติดต่อ: 096-515-9024

ผลิตภัณฑ์ข้าวตังหน้าหมูหยอง ข้าวตังหน้าธัญพืช

ปัญหาและความต้องการ :การเคลือบหน้าข้าวตังไม่สม่ำเสมอ และเวลาโรยหน้าแล้วหมูหยองและธัญพืชไม่ติด

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาการเคลือบหน้าเข้าตั้งไม่ติด เวลานำไปโรยหน้าหมูหยองหรือธัญพืช ปัญหาหลักคือ

 1. ความหนืดของหน้าขนมไม่เพียงพอ – ถ้าส่วนผสมเคลือบหน้ามีความเหลวเกินไป อาจทำให้หมูหยองหรือธัญพืชไม่ติดดี

 2. การจับตัวของส่วนผสม – หากน้ำตาลหรือส่วนผสมที่ใช้เคลือบแห้งเร็วเกินไป อาจทำให้หน้าขนมไม่เหนียวพอ

 3. ความชื้นของหมูหยองหรือธัญพืช – ถ้าวัตถุดิบที่ใช้โรยหน้ามีความแห้งหรือเบามาก อาจทำให้ไม่เกาะติดหน้าขนม

แนวทางแก้ไข:

  1. เพิ่มตัวประสาน (Binding Agent) – ใช้ไซรัปที่มีความหนืดสูงขึ้น เช่น กลูโคสไซรัป น้ำผึ้ง อินเวอร์สไซรัป หรือมอลโทเดกซ์ทริน เพื่อช่วยให้หน้าขนมเหนียวและยึดติดได้ดีขึ้น
  2. เพิ่มความหนืดของส่วนผสมเคลือบหน้า – ปรับสัดส่วนน้ำตาล น้ำ และกาวขนม (Gelatin หรือแป้งข้าวโพดละลายน้ำ)
  3. ลดความชื้นของหมูหยองและธัญพืช – สามารถนำไปอบพอให้แห้งสนิทก่อนโรย
  4. กดหรือรีดเบาๆ หลังโรยหน้า – เพื่อช่วยให้หมูหยองและธัญพืชแนบสนิทกับผิวขนม

สูตรและวิธีทำหน้าขนมเคลือบให้หมูหยอง/ธัญพืชติดแน่น

ส่วนผสม (สำหรับหน้าเคลือบขนม)

 • น้ำตาลทราย 100กรัม

 • กลูโคสไซรัป 50กรัม (ช่วยเพิ่มความหนืด)

 • นมข้นหวาน 30กรัม

 • เนยจืดละลาย 20กรัม (ช่วยให้หน้าขนมนวลและไม่แห้งกรอบเกินไป)

 • เกลือ 1/4ช้อนชา (เพิ่มรสชาติ)

 • แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1ช้อนชา (ช่วยเพิ่มความข้นและยึดเกาะ)

วิธีทำ

 1. ละลายน้ำตาลและกลูโคสไซรัป ในน้ำร้อน คนให้ละลายสนิท

 2. เติมนมข้นหวาน เนยจืด และเกลือ คนให้เข้ากัน

 3. ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไป เคี่ยวไฟอ่อนจนส่วนผสมข้นหนืด

 4. นำไปทาบนหน้าขนม แล้ว โรยหมูหยองหรือธัญพืชทันที ขณะที่ยังอุ่นอยู่

 5. ใช้ไม้พายกดเบาๆ ให้หมูหยอง/ธัญพืชแนบติดกับหน้าขนม

 6. พักไว้ให้เซ็ตตัวก่อนตัดเป็นชิ้น

เพิ่มเติมสำหรับการเก็บรักษา

 • หลังจากทำเสร็จ เก็บในภาชนะปิดสนิท เพื่อลดการสูญเสียความชื้น

 • หากขนมแห้งเกินไป อาจฉีดน้ำสเปรย์บางๆ ที่หมูหยองก่อนเก็บ

เทคนิค: หากต้องการให้หมูหยองหรือธัญพืชติดแน่นขึ้น สามารถเพิ่ม ผงเจลาตินละลายน้ำ 1-2กรัม ลงในส่วนผสมหน้าเคลือบขนม จะช่วยให้เกาะติดดีขึ้น!

สรุปผลการทำงาน: ผู้ประกอบได้นำข้อมูลของคำปรึกษาไปทดลองผลิตและทำตามคำแนะนำ จนสามารถผลิตและแก้ไขปัญหาได้เป็นที่เรียบร้อย



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 22/03/2568 [18735]
5000 2
2 [18742]

ลำดับที่ 24

กลุ่ม/ชุมชน: กลุ่มถักจักสารยุพราช

ผู้ประกอบการ : นางสำเนียง ขาวละมูล

ที่อยู่:44ซอย 7ถนนชมธีระเวช ตำบลตะพานหิน จังหวัดพิจิต

เบอร์ติดต่อ: 081-5325-424

ผลิตภัณฑ์:กระเป๋า ตะกร้า (จากวัสดุหวายเทียม)

ปัญหาและความต้องการ :อยากใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติ และอยากหาวิธีการทำเส้นจากใยธรรมชาติเพื่อทดแทนหวายเทียม

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

คำปรึกษา:

 

หากต้องการเปลี่ยนจากหวายเทียมมาใช้วัสดุธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นเส้น ที่มีแข็งแรง แต่ยังคงยืดหยุ่นและสามารถขึ้นรูปเป็นโครงสร้างที่ซับซ้อนได้ จำเป็นต้องเลือกเส้นใยที่เหมาะสมและพัฒนาเทคนิคการแปรรูปเส้นใยเพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการ

1. วัสดุธรรมชาติที่เหมาะสำหรับทำเส้นใหญ่ เช่น

1) เส้นใยจากไผ่แถบ มีความแข็งแรงสูง สามารถตัดและเหลาให้เป็นเส้นใหญ่ตามต้องการ มีความยืดหยุ่นปานกลาง แต่ยังขึ้นรูปง่าย

2) เส้นใยจากต้นปอแก้ว / ปอกระเจา เป็นเส้นใยที่เหนียวและสามารถนำมาถักเป็นโครงสร้างแข็งแรง มีน้ำหนักเบากว่าไผ่ เหมาะสำหรับทำอุปกรณ์นวด

3) เส้นใยจากใบตาล มีความแข็งแรงกว่ากก แต่ยืดหยุ่นน้อยกว่า สามารถนำมาขดหรือถักเป็นโครงสร้างคล้ายหวายได้

 4) เส้นใยจากกาบกล้วย มีความเหนียวและยืดหยุ่น เมื่อนำไปอบหรือตากแดดจะมีความแข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับการขึ้นรูปเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีความโค้ง

5) เส้นใยจากเถาวัลย์ แข็งแรงและยืดหยุ่นสูง สามารถนำมาถักเป็นเส้นใหญ่โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการมาก

2. วิธีการผลิตเส้นใยขนาดใหญ่จากวัสดุธรรมชาติ

กรรมวิธีทำเส้นใยไผ่แถบสำหรับจักสาน วัสดุที่ต้องใช้: ไผ่ที่มีอายุ 3-5ปี มีดคม เครื่องรีดเส้นใย

วิธีการทำ: ตัดไผ่เป็นท่อน ๆ แล้วผ่าออกเป็นแผ่นกว้าง ใช้มีดหรือเครื่องรีดเส้นใย เหลาให้มีความหนาประมาณ 0.5 - 1.5ซม. นำเส้นไผ่ไปแช่น้ำเกลือหรือน้ำมะขามเปียก เพื่อลดความเปราะ ตากแดดให้แห้งสนิท ก่อนนำไปใช้งาน

กรรมวิธีทำเส้นใยปอกระเจาสำหรับการจักสาน

          วัสดุที่ต้องใช้: ต้นปอแก้วหรือปอกระเจา น้ำ เครื่องตัดและเครื่องรีดเส้นใย

วิธีการทำ:

 1. นำต้นปอกระเจามาแช่น้ำเป็นเวลา 10-15วัน เพื่อให้เยื่อหุ้มเนื้อไม้หลุดออก

 2. ขูดเนื้อไม้และแยกเส้นใยออกจากกัน

 3. ล้างน้ำสะอาดและนำไปตากแดดให้แห้ง

 4. นำไปม้วนหรือถักขึ้นรูปเป็นเส้นใหญ่

กรรมวิธีทำเส้นใยจากกาบกล้วย

วัสดุที่ต้องใช้:

 • กาบกล้วยที่แห้ง

 • มีดคม

 • น้ำอุ่น

 

วิธีการทำ:

 1. เลือกกาบกล้วยที่แห้งสนิทและไม่มีเชื้อรา

 2. นำมาฉีกเป็นเส้น ๆ และตัดให้ได้ความกว้างประมาณ 1-2ซม.

 3. แช่ในน้ำอุ่นเพื่อให้เส้นใยอ่อนตัวลง

 4. นำไปถักเป็นเส้นใหญ่ หรือบิดเกลียวให้แน่นก่อนนำไปตากแห้ง

 

3. ออกแบบและผลิตอุปกรณ์นวดนิ้ว + ฝาชีครอบจากเส้นใยธรรมชาติ

 โครงสร้างอุปกรณ์นวดนิ้ว: ใช้เส้นใยไผ่หรือปอกระเจาถักเป็นโครงสร้าง ออกแบบให้มีความโค้งรับกับนิ้วมือ สามารถปรับความแข็งของโครงสร้างโดยเพิ่มหรือลดความหนาของเส้นใย

 โครงสร้างฝาชีครอบจากเส้นใยธรรมชาติ:  ใช้เถาวัลย์หรือเส้นใยไผ่ถักเป็นโครงหลัก ผสมกับเส้นใยปอกระเจาหรือกาบกล้วยเพื่อให้ได้ความโปร่งและน้ำหนักเบา สามารถเคลือบกันน้ำด้วยน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันลินสีด

4. วิธีเพิ่มความทนทานและมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์

 ใช้สารเคลือบจากธรรมชาติ →เช่น ขี้ผึ้ง น้ำมันมะพร้าว หรือแล็กเกอร์จากยางไม้

 เพิ่มการออกแบบที่ทันสมัย →ใช้สีธรรมชาติหรือเทคนิค Eco-Print

 บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม →ใช้กล่องกระดาษรีไซเคิลแทนพลาสติก

การใช้เส้นใยธรรมชาติทดแทนหวายเทียมสามารถทำได้โดยเลือกใช้ไผ่ ปอกระเจา กาบกล้วย หรือเถาวัลย์ที่มีความแข็งแรงและสามารถขึ้นรูปได้ดี กระบวนการผลิตต้องผ่านการอบแห้งและเคลือบสารกันน้ำเพื่อให้ทนทาน เหมาะสำหรับการออกแบบอุปกรณ์นวดนิ้วและฝาชีครอบ

สรุปผลการทำงาน: เชื่อมโยงนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกอีกครั้ง  โดยแหล่งงบประมาณมีทั้งภายนอก และภายในอีกครั้ง



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 22/03/2568 [18742]
6481 2
2 [18734]

ลำดับที่ 20

กลุ่ม/ชุมชน: -

ผู้ประกอบการ :  น.ส.ธนัชชา   นุชสวาสดิ์

ที่อยู่:234หมู่ 11 ตำบลหนองพระ อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก 65140    

เบอร์ติดต่อ: 081-887-6255

ผลิตภัณฑ์อาหารขบเคี้ยวชนิดต่างๆ

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการออกแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้าที่สามารถช่วยยกระดับและความหน้าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

การพัฒนาและยกระดับบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวที่เป็นลักษณะแบ่งบรรจุ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยตามมาตรฐาน โดยเฉพาะการปิดฉลากให้เป็นไปตามกฎหมาย อย. ซึ่งมีข้อกำหนดที่สำคัญหลายประการ ดังนี้

1. การเลือกบรรจุภัณฑ์ การเลือกวัสดุ: สำหรับขนมปี๊บที่ต้องการแยกใส่บรรจุภัณฑ์ใหม่และมีการปิดฉลาก จำเป็นต้องเลือกวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเก็บรักษาคุณภาพของขนมได้อย่างเหมาะสม เช่น ถุงพลาสติกหรือถุงฟอยล์ที่สามารถรักษาความกรอบ และกันความชื้นได้ดี หากต้องการการพิมพ์ฉลากลงบนบรรจุภัณฑ์ ควรเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการพิมพ์ เช่น ฟิล์มพลาสติกที่สามารถใช้เทคนิคการพิมพ์แบบ Flexo หรือ Gravure ได้  การปิดผนึกบรรจุภัณฑ์: ควรเลือกการปิดผนึกที่สามารถยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ได้ดี เช่น การใช้เครื่องซีลความร้อน (Heat Seal) หรือการใช้ฟอยล์ที่สามารถซีลได้ดี ขนาดและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์: คำนึงถึงขนาดของผลิตภัณฑ์ที่บรรจุ รวมถึงน้ำหนักและขนาดของบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับการจำหน่ายในแต่ละช่องทาง

2. การปิดฉลากตามกฎหมาย อย. การปิดฉลากสินค้าภายใต้ข้อกำหนดขององค์การอาหารและยา (อย.) เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งต้องประกอบด้วย:  • ชื่อผลิตภัณฑ์: ระบุชื่อขนมปี๊บที่ชัดเจน รายการส่วนประกอบ: ระบุส่วนผสมทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อให้ผู้บริโภคทราบถึงสิ่งที่ประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ น้ำหนักสุทธิ: ระบุน้ำหนักสุทธิของผลิตภัณฑ์ วันผลิต/วันหมดอายุ: ระบุวันผลิตและวันหมดอายุให้ชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ คำเตือน: หากมีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ถั่ว หรือแป้งสาลี ควรระบุคำเตือนที่ชัดเจน ข้อมูลผู้ผลิต: ระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่าย รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ เลขที่ อย. หรือเลขทะเบียนอาหาร: จำเป็นต้องได้รับการรับรองจาก อย. โดยผู้ประกอบการต้องสมัครขอเลขทะเบียนอาหารและแสดงบนฉลากเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

3. การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ดีไซน์ที่ดึงดูด: การออกแบบบรรจุภัณฑ์ควรสะท้อนถึงแบรนด์และค่านิยมของผลิตภัณฑ์ ให้ดูน่าสนใจและสวยงามเพื่อดึงดูดผู้บริโภค ความชัดเจนของข้อมูล: ให้ข้อมูลที่จำเป็น เช่น ส่วนผสม วันหมดอายุ น้ำหนัก อย่างชัดเจน โดยใช้ฟอนต์ที่อ่านง่ายและมีความชัดเจน การใช้สีและภาพ: เลือกสีและภาพที่สื่อถึงความสดใสของขนมและสามารถสื่อถึงลักษณะหรือรสชาติของผลิตภัณฑ์ เช่น การใช้สีสันที่สดใสหรือภาพของขนมที่น่าทาน การเลือกขนาดบรรจุภัณฑ์: อาจเลือกบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกสำหรับการขายปลีกหรือซองเล็กที่เหมาะสมกับการบริโภคในแต่ละช่วงเวลา

4. การตรวจสอบคุณภาพและการได้รับใบอนุญาต การรับรองจาก อย.: ผู้ประกอบการต้องทำการขอใบอนุญาตจาก อย. สำหรับผลิตภัณฑ์ขนม และตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานการผลิตที่ปลอดภัย การควบคุมคุณภาพ: ควรมีการตรวจสอบคุณภาพของขนมและบรรจุภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ เช่น การทดสอบการซีลถุงและการทดสอบการเก็บรักษาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน (อุณหภูมิและความชื้น)

5. คำแนะนำเพิ่มเติม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ จาก อย. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์เป็นไปตามข้อกำหนดที่ถูกต้อง ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ควรคำนึงถึงทั้งประโยชน์ใช้สอยและการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค หากเป็นไปได้ ควรพิจารณาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้

สรุปผลการทำงาน: เชื่อมโยงนักวิจัยให้คำปรึกษาและออกแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้าให้กับผู้ประกอบการ โดยการขอรับการจัดสรรุนจากงานบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม/หรือพัฒนาชุมชน หรืออื่นๆ ที่กี่ยวข้อง



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 22/03/2568 [18734]
5000 1
2 [18743]

ลำดับที่ 25

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรจันทร์หอม

ผู้ประกอบการ : นางรัชนี เอี่ยมสะอาด

ที่อยู่: 939ถนนริมน่าน ตำบลตะพานหิน อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร

เบอร์ติดต่อ: 089-705-8221

ผลิตภัณฑ์สมุนไพรปรับอากาศ ที่บรรจุในถุงผ้าตกแต่งด้วยฝ้าไทย

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ๆ เพื่อเพิ่มแหล่งลูกค้าในการใช้สินค้า

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

การพัฒนารูปแบบสินค้าใหม่ สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรจันทร์หอม สิ่งที่จำเป็นต้องดำเนินงานมีดังนี้

1. วิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย

 • กลุ่มลูกค้าเดิม: ตรวจสอบพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของกลุ่ม เช่น ผู้ใช้ในครัวเรือน, โรงแรม-รีสอร์ท, รถยนต์ส่วนตัว

 • กลุ่มลูกค้าใหม่: ขยายตลาดสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ เช่น สปา, ศูนย์สุขภาพ, โรงพยาบาล, โรงเรียน หรือสำนักงาน

 • ศึกษาคู่แข่ง: วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดเพื่อหาจุดแข็ง-จุดอ่อนและพัฒนาความแตกต่าง

2. แนวทางการพัฒนาสินค้าใหม่

2.1การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม

 • ปรับปรุง ดีไซน์บรรจุภัณฑ์ ให้ทันสมัย ดูพรีเมียม และเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายใหม่

 • เพิ่ม กลิ่นสมุนไพรใหม่ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายหรือมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ต้านภูมิแพ้, ลดความเครียด

 • ปรับ สูตรส่วนผสม ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

2.2การพัฒนาสินค้าใหม่

 • ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสมุนไพร

 • เทียนหอมสมุนไพรจากถั่วเหลืองและน้ำมันหอมระเหย

 • สเปรย์ปรับอากาศจากสมุนไพร

 • กำยานและธูปสมุนไพรแบบไร้ควัน

 • ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม

 • แผ่นประคบร้อนสมุนไพร (Herbal Compress)

 • น้ำมันนวดสมุนไพร

 • สครับขัดผิวจากสมุนไพร

 • ผลิตภัณฑ์สำหรับบ้านและสำนักงาน

 • สมุนไพรอบแห้งสำหรับต้มหรือนึ่งเพื่อปรับอากาศ

 • ถุงสมุนไพรไล่แมลง

 • แผ่นดูดซับกลิ่นสมุนไพรสำหรับตู้เสื้อผ้าและตู้เย็น

3. กระบวนการดำเนินงาน

3.1การพัฒนาสูตรและการผลิต

 • ศึกษาและทดลองสูตร เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเด่นและปลอดภัย

 • ทดสอบอายุการเก็บรักษา และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม

 • ใช้กระบวนการผลิตที่คงคุณภาพและคำนึงถึงต้นทุน

3.2การออกแบบบรรจุภัณฑ์

 • ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 • ดีไซน์ให้ทันสมัยและเหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น บรรจุภัณฑ์ขนาดพกพา

 • มีฉลากสินค้าที่ครบถ้วนตามกฎหมาย

 

3.3การทำมาตรฐานสินค้า

 • ขึ้นทะเบียน อย. สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม

 • ขอเครื่องหมาย OTOP หรือ GI เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์

 • ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

3.4การทำตลาดและกระจายสินค้า

 • จัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Facebook, Line Official, Shopee, Lazada

 • ขยายตลาดผ่านกลุ่มธุรกิจ เช่น โรงแรม, ร้านสปา, ร้านสุขภาพ

 • ใช้กลยุทธ์การตลาด เช่น โปรโมชั่น, รีวิวจากผู้ใช้จริง

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรจันทร์หอมสามารถขยายตลาดโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายขึ้น ทั้งในด้านสุขภาพ ความงาม และการใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเน้น คุณภาพ, ความปลอดภัย, บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย, และ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นในตลาดสมุนไพรไทย

สรุปผลการทำงาน: เชื่อมโยงนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกอีกครั้ง  โดยแหล่งงบประมาณมีทั้งภายนอก และภายในอีกครั้ง



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 22/03/2568 [18743]
6000 1
2 [18741]

ลำดับที่ 23

กลุ่ม/ชุมชน: กลุ่มวิสาหกิจชุมชน บ้านหอมนวล

ผู้ประกอบการ : นางเสาวลักษณ์ สืบสมาน

ที่อยู่:63 หมู่ 9ตำบลท่าเสา อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร

เบอร์ติดต่อ: 081-8318-954

ผลิตภัณฑ์: ยาสีฟันข่อยอินทรีย์  

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการปรับปรุงคุณสมบัติเนื้อของยาสีฟันให้ไม่แข็งหรือเหลวเกินไป เนื่องจากเมื่อนำยาสีฟันไปบรรจุในหลอดบีบแล้วเมื่อเวลาเซ็ตตัวแล้วจะมีความแข็งและไม่สามารถบีบออกได้ ทำให้ต้องบรรจุยาสีฟันในตลับทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ต่ำ และการใช้งานลำบาก

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :ปัญหาเนื้อสัมผัสของยาสีฟันอินทรีย์แข็งตัวเร็ว ทำให้บีบออกจากหลอดไม่ได้นั้น ปัญหาหลักอาจเกิดจาก

1. สูตรยาสีฟันมีอัตราส่วนของผงแห้งมากเกินไป →ทำให้เกิดการแข็งตัวเร็ว

2. ปริมาณสารให้ความชื้นไม่เพียงพอ →ทำให้ยาสีฟันแห้งเกินไปเมื่อเวลาผ่านไป

3. การเลือกใช้น้ำมันหรือสารให้ความหนืดไม่เหมาะสม →ทำให้เนื้อยาสีฟันไม่คงสภาพ

แนวทางแก้ไข

  1. ทำการปรับสัดส่วนสารให้ความชื้น (Humectants) เพื่อป้องกันการแข็งตัว ด้วยการ

 • เพิ่ม กลีเซอรีน (Glycerin) หรือ ซอร์บิทอล (Sorbitol) 70% →ช่วยให้เนื้อยาสีฟันชุ่มชื้น ไม่แข็งตัวง่าย

 • ใช้ อโลเวร่าเจล (Aloe Vera Gel) หรือ น้ำผึ้งแท้ →ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในสูตรอินทรีย์

 • เพิ่ม Propylene Glycol หรือ Xylitol →ป้องกันการตกผลึกของเนื้อยาสีฟัน

  1.  ใช้สารเพิ่มความหนืดที่เหมาะสม (Thickening Agents)

 • ลด ดินเบา (Diatomaceous Earth) หรือ แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) เพราะอาจทำให้ยาสีฟันแข็งเร็วเกินไป

 • ใช้ เบนโทไนต์เคลย์ (Bentonite Clay) หรือ คาร์ราจีแนน (Carrageenan) →คงความนุ่มของเนื้อยาสีฟัน

 • เพิ่ม เหงือกกระบองเพชร (Xanthan Gum) หรือ ไซเลี่ยมฮัสก์ (Psyllium Husk) →คงตัวได้ดีขึ้น

  1. ปรับสูตรน้ำมันและตัวทำละลายให้เหมาะสม โดย

 • ใช้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Virgin Coconut Oil) →มีคุณสมบัติต้านแบคทีเรียและช่วยให้เนื้อยาสีฟันไม่แห้งเร็ว

 • ลดปริมาณน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) ที่มากเกินไป เช่น เปปเปอร์มินต์ เพราะอาจทำให้เกิดการระเหยเร็ว

 • ใช้ สารสกัดจากใบข่อย หรือ สารสกัดจากกานพลู แทนการใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรง

สำหรับสูตรปรับปรุงยาสีฟันอินทรีย์ (หลอดบีบได้ง่าย ไม่แข็งตัวเร็ว) สามารถทำได้โดยใช้สูตรและกรรมวิธีการผลิต ดังนี้

ส่วนผสม

 • กลีเซอรีน (Glycerin 99%) 20กรัม →ให้ความชุ่มชื้น ป้องกันการแข็งตัว

 • ซอร์บิทอล (Sorbitol 70%) 10กรัม →ช่วยให้เนื้อสัมผัสนุ่ม

 • เบนโทไนต์เคลย์ (Bentonite Clay) 15กรัม →ทำความสะอาดและช่วยให้เนื้อเนียน

 • แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) 15กรัม →ขัดฟันอ่อนโยน

 • น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ (Virgin Coconut Oil) 10กรัม →คงสภาพเนื้อยาสีฟัน

 • ไซเลี่ยมฮัสก์ (Psyllium Husk) หรือ Xanthan Gum 1กรัม →ทำให้เนื้อยาสีฟันไม่แยกชั้น

 • สารสกัดใบข่อย หรือ สารสกัดจากกานพลู 5กรัม →ต้านเชื้อแบคทีเรีย

 • น้ำสะอาดหรือน้ำกลั่น (Distilled Water) 20กรัม →ปรับความเข้มข้น

 • น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์ 3-5หยด →เพิ่มความสดชื่น

กรรมวิธีการผลิต

 1. เตรียมเบสเจล: ผสมกลีเซอรีนและซอร์บิทอลให้เข้ากัน

 2. ค่อยๆ เติมเบนโทไนต์เคลย์ และแคลเซียมคาร์บอเนต คนจนเนียน

 3. เติมน้ำมันมะพร้าวลงไปผสมให้เข้ากัน

 4. ผสมไซเลี่ยมฮัสก์หรือ Xanthan Gum ลงไป คนให้กระจายตัวทั่วสูตร

 5. เติมสารสกัดจากใบข่อยหรือกานพลู และน้ำสะอาด คนให้เข้ากัน

 6. เติมน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์ คนให้เข้ากันดี

 7. นำเข้าหลอดบีบ หรือขวดปั๊ม เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน

ยาสีฟันสูตรนี้เป็นยาสีฟันเนื้อสัมผัสนุ่ม ไม่แข็งตัวเร็ว สามารถบีบออกจากหลอดได้ง่าย ลดปัญหาต้องใช้ตลับ รักษาคุณภาพได้นานขึ้น ไม่แยกชั้นง่าย

สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม:

 • ควรทดสอบ Shelf-Life ว่ายาสีฟันยังคงเนื้อสัมผัสที่ดีหลังผ่านไป 3-6เดือน

 • ทดลองบรรจุภัณฑ์แบบหลอดพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูง หรือขวดปั๊มสุญญากาศ (Airless Pump)

สรุปผลการทำงาน: ประสานข้อมูลให้นักวิจัยเพื่อให้เกิดการดำเนินโครงการวิจัยหรือบริการวิชาเพื่อการให้คำปรึกษาเชิงลึกเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยแหล่งเชื่อมโยงทั้งคลินิกเทคโนโลยี คูปองวิทยาศาสตร์ อุทยานวิทยาศาสตร์ หรือแหล่งงบประมาณให้ทุนภายในมหาวิทยาลัย



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 22/03/2568 [18741]
6000 1
2 [18671]

ลำดับที่ 18

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจการพิมพ์สีธรรมชาติ

ผู้ประกอบการ : สมนา พันธุลี
ที่อยู่:ม.8  บ้านกรมธรรม์-ฉัตรแก้ว ต.สมอแข   อ.เมือง จ.พิษณุโลกเบอร์ติดต่อ: 061-5946513 ,0908913932
ผลิตภัณฑ์:ผ้าอีโคปริ้น ( Eco-print)    พิมพ์ใบไม้เป็นลาย

ปัญหาและความต้องการ :การออกแบบและพัฒนาสินค้าจากผ้า Eco print เพื่อเพิ่มมูลค่า

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

Eco-Print เป็นเทคนิคการพิมพ์ลายจากพืชบนผ้า กระดาษ หรือวัสดุธรรมชาติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น ปฏิกิริยาเคมีระหว่างแทนนิน (Tannin) ในพืชกับสารย้อมติดผ้า (Mordant) ทำให้เกิดลวดลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น การทำปฏิกิริยาทางเคมีของสีจากพืชธรรมชาติ เช่น Anthocyanins (ม่วง-น้ำเงิน) จากดอกอัญชัน Carotenoids (เหลือง-ส้ม) จากขมิ้น Tannins (น้ำตาล-ดำ) จากเปลือกมะม่วง ใบยูคาลิปตัส เป็นต้น โดยสารเหล่านี้จะเกิดปฏิกิริยากับสารเร่งสี (Mordants) เช่น สารส้ม (Alum) ให้สีสดใส เหล็กซัลเฟต (Iron sulfate) ให้สีเข้มขึ้น น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว ทำให้สีอมชมพู ซึ่งข้อดีของการใช้หลักเคมี คือสามารถ ควบคุมสีและความคงทนของลวดลาย ได้ดียิ่งขึ้น  อย่างไรก็ตามนอกจากการพัฒนานวัตกรรมอาจใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ของการใช้นาโนเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความคงทนของลวดลาย ใช้ นาโนซิลเวอร์ (Nano-Silver) หรือ นาโนซิงค์ออกไซด์ (Nano-ZnO) เพื่อช่วยยืดอายุสีธรรมชาติให้ติดทนนาน ใช้ นาโนเคลือบกันน้ำ (Waterproof Coating) เพื่อเพิ่มคุณสมบัติกันน้ำ กันรอยเปื้อน สำหรับการพัฒนาและออกแบบดีไซน์สินค้า อาจเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ผ้าฝ้ายออร์แกนิก / ผ้าไหมไทย สำหรับแฟชั่นและเครื่องประดับ กระดาษสา สำหรับงานศิลปะ และบรรจุภัณฑ์ หนังแท้ / หนังเทียมจากพืช เช่น หนังจากเปลือกมะพร้าว หรือใช้เป็นการออกแบบที่เพิ่มมูลค่า เช่น แฟชั่นรักษ์โลก เช่น เสื้อผ้า Eco-Print ที่มีลวดลายเฉพาะตัว กระเป๋าและเครื่องประดับ เช่น กระเป๋าผ้าพิมพ์ Eco-Print ที่กันน้ำ งานศิลปะตกแต่งบ้าน เช่น กรอบรูป หรือโปสการ์ดจากกระดาษ Eco-Print ของที่ระลึก OTOP เช่น ผ้าพันคอ ถุงผ้า พวงกุญแจ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ อย่างไรก็ตามการพัฒนาและออกแบบสินค้าอาจให้หลักการทางการตลาดและการสร้างแบรนด์ เช่น ใช้แนวคิด “Sustainable & Unique” เน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเอกลักษณ์ของแต่ละชิ้น ทำ แพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือกล่องไบโอพลาสติก ขยายตลาดไปยัง กลุ่มลูกค้าพรีเมียมและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ให้ความสำคัญกับสินค้าที่ยั่งยืน นอกจากนี้การพัฒนาสินค้า Eco-Print ควรใช้หลัก วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความคงทนของสี เพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน และออกแบบให้มีเอกลักษณ์ พร้อมขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้ารักสิ่งแวดล้อมและสินค้าพรีเมียม

สรุปผลการทำงาน: เชื่อมโยงนักวิจัยเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลนำเข้าสู่แพลตฟอร์มหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ บ่มเพาะธุรกิจชุมชน หรือ คูปองวิทย์เพื่อโอทอป หรือ งานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 08/03/2568 [18671]
5000 2
2 [18670]

ลำดับที่ 17

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนข้าวชุมชนบ้านมนต์คีรี

ผู้ประกอบการ : นายนิธิกร รอดมา

ที่อยู่:   14 หมู่ 6ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 081-148-4072

ผลิตภัณฑ์:หน่อไม้ปี๊บยังไม่ได้มาตรฐาน

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการยืดอายุและ อย.ของการผลิต

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

การผลิต หน่อไม้ปี๊บ เพื่อให้ได้มาตรฐาน อย. และยืดอายุการเก็บรักษา จำเป็นต้องคำนึงถึง หลักความปลอดภัยทางอาหาร กระบวนการผลิตที่ถูกสุขลักษณะ และการควบคุมจุลินทรีย์ โดยเฉพาะ เชื้อคลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งเป็นอันตรายสำคัญในการผลิตหน่อไม้ปี๊บ

1. ปัญหาหลักของหน่อไม้ปี๊บที่ยังไม่ได้มาตรฐาน  การปนเปื้อนจุลินทรีย์ โดยเฉพาะเชื้อโบทูลินัม ซึ่งเจริญได้ดีในสภาวะแอนาโรบิก (ไม่มีออกซิเจน) การเสื่อมเสียของผลิตภัณฑ์ เช่น การเกิดกลิ่นผิดปกติ การเปลี่ยนสี และการพองของปี๊บ ความเป็นกรด-ด่าง (pH) ไม่เหมาะสม ค่าความเป็นกรดควรอยู่ที่ pH ต่ำกว่า 4.6 เพื่อยับยั้งเชื้อโบทูลินัม  ขั้นตอนการฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ เช่น อุณหภูมิหรือเวลาที่ใช้พาสเจอไรซ์หรือสเตอริไลซ์ไม่เหมาะสม

2. แนวทางการยืดอายุการเก็บรักษาหน่อไม้ปี๊บ

ปรับปรุงกระบวนการผลิต เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ ใช้หน่อไม้สดที่สะอาด ไม่มีรอยช้ำ หรือมีเชื้อรา  ล้างด้วยน้ำสะอาดหลายรอบ และอาจใช้ โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ กรดแอสคอร์บิก เพื่อลดการเปลี่ยนสี  การแช่หน่อไม้ในสารละลายที่เหมาะสม ควรแช่หน่อไม้ใน น้ำเกลือ (Brine Solution) 3-5% หรือน้ำที่มีส่วนผสมของ กรดอินทรีย์ (Organic Acid) เช่น กรดซิตริก (Citric Acid) หรือ กรดแลคติก (Lactic Acid) เพื่อช่วยลดค่า pH  ค่า pH ที่เหมาะสมควรต่ำกว่า 4.6 เพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์  กระบวนการฆ่าเชื้อ (Sterilization)  ใช้ การพาสเจอไรซ์ (Pasteurization) ที่อุณหภูมิ 90-100°C เป็นเวลา 30-60 นาที หากต้องการยืดอายุให้นานขึ้น ควรใช้ การสเตอริไลซ์ (Sterilization) ที่อุณหภูมิ 121°C เป็นเวลา 15-20 นาที โดยใช้เครื่อง Autoclave หรือ Retort  การเลือกภาชนะบรรจุ ใช้ปี๊บที่ทำจาก โลหะเคลือบกันสนิม หรือกระป๋องที่ได้รับมาตรฐานอาหาร ซีลฝาปิดให้สนิท ป้องกันการรั่วซึมและการปนเปื้อนจากภายนอก การตรวจสอบคุณภาพ ตรวจค่า pH ให้อยู่ที่ 3.5 - 4.6   ตรวจสอบ สภาพของปี๊บ ว่ามีการป่อง บวม หรือรั่วหรือไม่ ควรมี การทดสอบจุลินทรีย์ โดยส่งตัวอย่างไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการ

3. การขอ อย. สำหรับหน่อไม้ปี๊บ

3.1 ประเภทของ อย. ที่ต้องขอการผลิตหน่อไม้ปี๊บจัดอยู่ใน กลุ่มอาหารแปรรูปที่มีกรรมวิธีการผลิต ดังนั้นจะต้องขอเลข อย. ประเภทอาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท (อาหารกระป๋อง/อาหารปี๊บ)

3.2 ขั้นตอนการขอ อย.

 3.2.1. จดทะเบียนสถานที่ผลิต (GMP/HACCP)

 • โรงงานต้องมีมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) และ HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Points)

 • หากเป็นวิสาหกิจชุมชน ต้องขอ GMP ขั้นพื้นฐาน

 • พื้นที่ผลิตต้องสะอาด มีการแยกโซนเปียก/แห้ง และมีระบบน้ำสะอาด

 3.2.2. จดแจ้งผลิตภัณฑ์อาหาร (FDA Registration)

 • ต้องระบุ สูตรอาหาร และกระบวนการผลิตโดยละเอียด

 • ตรวจสอบว่าใช้ วัตถุเจือปนอาหาร (Food Additives) ตามมาตรฐาน อย. หรือไม่

 • ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปตรวจวิเคราะห์ที่ห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง

3.2.3. การตรวจประเมินจาก อย.

 • เจ้าหน้าที่จะมาตรวจสถานที่ผลิตว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่

 • หากผ่านการตรวจสอบ จะได้รับเลข 13 หลัก ของ อย. สำหรับใช้บนฉลาก

4. การติดฉลากให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย. ต้องระบุข้อมูลดังนี้:

 • ชื่อผลิตภัณฑ์ เช่น “หน่อไม้ปี๊บในน้ำเกลือ”

 • วัตถุดิบหลัก (หน่อไม้, น้ำเกลือ, สารกันเสีย ถ้ามี)

 • เลข อย. 13 หลัก

 • วันที่ผลิต / วันหมดอายุ

 • น้ำหนักสุทธิ และ น้ำหนักเนื้อหน่อไม้แห้ง

 • คำเตือน (ถ้ามี) เช่น “ห้ามบริโภคหากกระป๋องบวม หรือมีกลิ่นผิดปกติ”

5. ข้อแนะนำเพิ่มเติม

 • หากต้องการเพิ่มมูลค่า ควรพิจารณา บรรจุภัณฑ์ใหม่ เช่น ซองรีทอร์ท (Retort Pouch) หรือขวดแก้ว ซึ่งจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาและพกพาสะดวกขึ้น

 • พิจารณาตลาดส่งออก หากต้องการส่งออกไปยังต่างประเทศ ต้องตรวจสอบมาตรฐานอาหารของประเทศปลายทาง เช่น มาตรฐาน CODEX หรือ FDA สหรัฐฯ

 • ควรศึกษากฎระเบียบเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สารกันเสียที่ได้รับอนุญาต เช่น โซเดียมเมตาไบซัลไฟต์ (Sodium Metabisulfite) ที่ใช้ในหน่อไม้ปี๊บ

สรุปผลการทำงาน: ทำการเชื่อมโยงและบูรณาการเพื่อเข้าสู่การให้คำปรึกษาเชิงลึกผ่านแพลตฟอร์มหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ บ่มเพาะธุรกิจชุมชน หรือ คูปองวิทย์เพื่อโอทอป หรือ งานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 08/03/2568 [18670]
2 3780
2 [18669]

ลำดับที่ 16

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชน แปรรูปพืชผักผลไม้สมุนไพร

ผู้ประกอบการ : นายกู้เกียรติ คลังธานี

ที่อยู่: 31 หมู่ 3 ตำบลทุ่งยางเมือง อำเภอคีรีมาศ จ.สุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 081-394-9057

ผลิตภัณฑ์มะนาวผง

ปัญหาและความต้องการ :การยืดอายุการเก็บรักษามะนาวผง เนื่องจากเมื่อเก็บมะนาวผงสักระยะหนึ่งผงมะนาวจะเยิ้ม

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

อาการ “เยิ้ม” ของ มะนาวผง ที่เกิดขึ้นระหว่างการเก็บรักษา อาจเกิดจาก ความชื้น การดูดซับความชื้น และการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของส่วนประกอบ ของมะนาวผง ซึ่งมีผลต่ออายุการเก็บรักษา สาเหตุหลักที่ทำให้มะนาวผงเยิ้ม คือ

 1. ความชื้นในอากาศ มะนาวผงเป็นสารดูดความชื้นได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเก็บในที่ที่มีความชื้นสัมพัทธ์สูง  กรดซิตริกในมะนาวผงสามารถดูดซับน้ำจากอากาศ และทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนหรือกลายเป็นของเหลว

 2. ปฏิกิริยาการละลายของกรดซิตริกและน้ำตาลธรรมชาติ กรดซิตริกและน้ำตาลที่มีอยู่ในมะนาวผงสามารถดูดซับความชื้นจากอากาศและเกิดการละลาย ส่งผลให้มะนาวผงกลายเป็นก้อนเหนียวหรือมีลักษณะเยิ้ม

 3. กระบวนการแปรรูปและการทำแห้งไม่สมบูรณ์ ถ้ามีความชื้นตกค้างในมะนาวผงหลังจากการทำแห้ง จะทำให้เกิดการรวมตัวและเปลี่ยนเป็นก้อนหรือเยิ้มเมื่อเก็บรักษา

 4. บรรจุภัณฑ์ไม่ป้องกันความชื้น หากใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีคุณสมบัติป้องกันความชื้น เช่น ซองพลาสติกทั่วไป หรือกระปุกที่ปิดไม่สนิท จะทำให้มะนาวผงดูดความชื้นจากอากาศภายนอกได้ง่าย

แนวทางการแก้ไขและยืดอายุการเก็บรักษา

 1. ควบคุมความชื้นระหว่างกระบวนการผลิต  เพิ่มขั้นตอนการทำแห้งให้แน่ใจว่ามะนาวผงมีความชื้นต่ำ (แนะนำให้ต่ำกว่า 3-5%) ใช้เทคนิค Spray Drying หรือ Freeze Drying เพื่อช่วยลดความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าใช้ Drum Drying หรือ Vacuum Drying ควรตรวจสอบความชื้นของผลิตภัณฑ์ก่อนบรรจุ

 2. เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันความชื้นได้ดี ใช้ ฟิล์มอลูมิเนียมฟอยล์ (Aluminum Foil Laminate) หรือ ซองที่มีชั้นป้องกันความชื้น (Moisture Barrier)  ใช้ขวดหรือกระปุกที่ปิดสนิท มีซีลป้องกันอากาศเข้า

 3. เติมสารป้องกันการจับตัวเป็นก้อน (Anti-Caking Agent) เช่น ซิลิคอนไดออกไซด์ (Silicon Dioxide, E551) หรือ มอลโตเด็กซ์ตริน (Maltodextrin) เพื่อช่วยลดการจับตัวเป็นก้อน ใช้แป้งข้าวโพดดัดแปร (Modified Starch) เพื่อช่วยดูดซับความชื้นส่วนเกิน

 4. ใช้ซองกันชื้น (Desiccant) ใส่ซองกันชื้น ซิลิกาเจล (Silica Gel) หรือ แคลเซียมออกไซด์ (Calcium Oxide) ภายในบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยดูดซับความชื้น

 5. เก็บรักษาในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เก็บไว้ในที่แห้ง อุณหภูมิต่ำ และไม่สัมผัสกับแสงแดด แนะนำให้เก็บที่ อุณหภูมิ 10-20°C และความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่า 50%

อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่ทำให้มะนาวผงเยิ้มเกิดจากการดูดซับความชื้น จากอากาศ ซึ่งส่งผลให้เกิดการละลายของกรดซิตริกและน้ำตาลธรรมชาติ การแก้ปัญหา ต้องควบคุมความชื้นตั้งแต่กระบวนการผลิต เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันความชื้น ใช้สารป้องกันการจับตัวเป็นก้อน และเก็บรักษาในที่แห้งและเย็น

สรุปผลการทำงาน: ผู้ประกอบการมีผลิตภัณฑ์หลายอย่างโดยในปี 2567ที่ผ่านมาได้เขื่อมโยงแพลตฟอร์มคูปองวิทย์ฯ แต่ไม่ได้รับการสนับสนุน โดยในปี 2568จะทำการเชื่อมโยงและบูรณาการเพื่อเข้าสู่การให้คำปรึกษาเชิงลึกผ่านแพลตฟอร์มหมู่บ้านวิทยาศาสตร์ บ่มเพาะธุรกิจชุมชน หรือ คูปองวิทย์เพื่อโอทอป หรือ งานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 08/03/2568 [18669]
4500 3
2 [18668]

ลำดับที่ 15

กลุ่ม/ชุมชน: -

ผู้ประกอบการ : นางสาวอภิชญา รื่นรมณ์

ที่อยู่:236/1หมู่ 12 ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 082-007-2403

ผลิตภัณฑ์พวงกุญแจด้นมือ

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ผลิต

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

แนวทางการพัฒนาพวงกุญแจ “รุ่นมือ” ในลักษณะตุ๊กตาบีบคลายความเครียด

แนวคิดหลักการเพิ่มมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าประเภทพวงกุญแจดมืออาจใช้หลัการออกแบบ พวงกุญแจที่เป็นตุ๊กตาบีบมือเพื่อคลายความเครียด และช่วยนวดมือ โดยอิงหลักวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการกระตุ้นระบบประสาทและการกายภาพบำบัด โดยใช้หลักการ ดังนี้

  1. หลักการคลายความเครียดจากการบีบ (Stress-Relief Mechanism) การบีบวัตถุที่มีแรงต้าน (เช่น ลูกบอลนวดมือ หรือเจลซิลิโคน) ช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัส และทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphins) ซึ่งช่วยลดความเครียด  การบีบและปล่อยซ้ำๆ ช่วยให้กล้ามเนื้อมือและแขนผ่อนคลาย ลดอาการตึงเครียดของมือ

2.หลักการนวดมือเพื่อสุขภาพ การนวดมือสามารถช่วยกระตุ้น จุดสะท้อน (Reflexology Points) ซึ่งเชื่อมโยงกับระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย การกดจุดบนฝ่ามือสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะ ลดความเครียด และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น

3.หลักวัสดุศาสตร์ (Materials Science) ในการเลือกวัสดุที่บรรจุในผ้าที่ออกแบบและด้นมือแล้ว ควรเลือกใช้ โพลีเมอร์แบบหนืด (Viscoelastic Polymer) หรือ โฟมหน่วยความจำ (Memory Foam) เพื่อให้สามารถคืนรูปและมีแรงต้านพอดี ซิลิโคนเจล (Silicone Gel) เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีคุณสมบัติคืนรูปช้าและให้สัมผัสนุ่ม สามารถผสมกับ ไมโครบีดส์ (Microbeads) หรือเม็ดเจลบำบัด เพื่อเพิ่มสัมผัสการนวด

สำหรับแนวทางการออกแบบผลิตภัณฑ์สามารถทำได้โดย

1.รูปแบบพวงกุญแจตุ๊กตาบีบมือ ออกแบบเป็น ตุ๊กตาสัตว์น่ารัก หรือรูปแบบน่ากอด (เช่น แมว หมู กระต่าย หรือตัวการ์ตูน ขนาดประมาณ 5-7ซม. เพื่อให้จับได้ถนัดมือ เพิ่มพื้นผิวสัมผัส (Texture Design) เช่น ปุ่มนวด หรือพื้นผิวแบบเกลียว เพื่อช่วยให้เกิดการกดจุดที่มือ

2.ฟังก์ชันการนวดและบำบัดความเครียด ใช้ เจลที่มีแรงต้านสูง-ต่ำแตกต่างกัน เพื่อให้เลือกใช้งานได้ตามระดับความต้องการ มี เนื้อสัมผัสที่หลากหลาย เช่น บีบแล้วรู้สึกเหมือน “คูลเจล” หรือ “เม็ดบีดส์เล็กๆ” เพื่อให้เกิดสัมผัสที่ช่วยกระตุ้นปลายนิ้ว สามารถเติมกลิ่นหอมของ น้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) เช่น กลิ่นลาเวนเดอร์ (ลดความเครียด) หรือกลิ่นเปปเปอร์มินต์ (ช่วยให้สดชื่น)

3.ฟังก์ชันพิเศษเพื่อเพิ่มมูลค่า เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ (Thermochromic Pigment) – เมื่อบีบแล้วเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิร่างกาย เพิ่มเสียงหรือระบบสั่นเล็กๆ – ใช้ไจโรมอเตอร์ขนาดเล็กเพื่อให้เกิดการสั่นเมื่อบีบ มีแสง LED ที่เปลี่ยนสีเมื่อกด เพื่อนำไปใช้เป็นของเล่นผ่อนคลาย

วัสดุแนะนำสำหรับการผลิต ได้แก่ ซิลิโคนเจล (Silicone Gel) นิ่ม ยืดหยุ่น คืนรูปช้า เหมาะสำหรับบีบ เมมโมรี่โฟม (Memory Foam) คืนตัวช้า ให้แรงต้านที่เหมาะสม TPR (Thermoplastic Rubber) ทนทาน ยืดหยุ่นสูง EVA Foam + Microbeads ให้สัมผัสเหมือนลูกบอลนวดมือ เจลน้ำมันหอมระเหย (Aroma Infused Gel) เพิ่มฟังก์ชันด้านอโรมาเธอราพี

การตลาดและการเพิ่มมูลค่า วางตำแหน่งเป็น “ของใช้เพื่อสุขภาพ” มากกว่าพวงกุญแจธรรมดา สร้างเรื่องราวสินค้า เช่น “พวงกุญแจบีบผ่อนคลาย ลดความเครียด” ออกแบบ แพ็กเกจที่สื่อถึงการดูแลสุขภาพ (ใช้โทนสีธรรมชาติ หรือแนวคิดมินิมอล) ตั้งราคาพรีเมียม โดยทำให้เป็นสินค้าสำหรับ “ไลฟ์สไตล์และสุขภาพ” อาจจัดเป็น ของที่ระลึกหรือของขวัญสำหรับคนทำงาน หรือ ของฝากสำหรับนักท่องเที่ยว

สรุปแนวทางการพัฒนาสำหรับพวงกุญแจด้นมือ คือ ใช้หลักการคลายความเครียดจากการบีบเพื่อกระตุ้นประสาทและช่วยลดความเครียด ออกแบบให้มีพื้นผิวสัมผัสที่ช่วยนวดมือและกระตุ้นปลายนิ้ว เลือกใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติคืนรูป เช่น ซิลิโคนเจล หรือเมมโมรี่โฟม เพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี เช่น เปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ เติมกลิ่นหอม หรือเพิ่มเสียงและแสง ทำการตลาดเป็นสินค้าสุขภาพ หรือของขวัญผ่อนคลายสำหรับคนทำงาน

สรุปผลการทำงาน: : เชื่อมโยงนักวิจัยเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลนำเข้าสู่แพลตฟอร์มคูปองวิทย์เพื่อโอทอป หรือ บริการวิชาการเพื่อพัฒนาชุมชนของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม หรืออื่นๆ ตามความเหมาะสม



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 08/03/2568 [18668]
5200 3
2 [18667]

ลำดับที่ 14

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชน พืช ผัก สมุนไพร ผลิตภัณฑ์แปรรูป

ผู้ประกอบการ : นางสาวสุดารัตน์ ภัทรเกียรติพงษ์

ที่อยู่:   808 หมู่ 4ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร

เบอร์ติดต่อ: 090-092-9115

ผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรใบบัวบก

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการหาวิธีการสกัดไม่ให้สีใบบัวบกเปลี่ยนแปลง และยังคงให้มีสีเขียว

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

ปัญหาหลักของการสกัดน้ำจากใบบัวบกคือ

 1. การเปลี่ยนสีของน้ำสกัดจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาล เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันของสารประกอบฟีนอลและคลอโรฟิลล์

 2. การสูญเสียสีเขียวของคลอโรฟิลล์ เนื่องจากความร้อนและการเกิดปฏิกิริยาเคมีกับออกซิเจน

 3. การตกตะกอนของสารสำคัญ ทำให้รสชาติและสีของชาสมุนไพรเปลี่ยนไป

แนวทางการสกัดน้ำจากใบบัวบกให้คงสีเขียว สามารถทำได้โดย

1. ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการสกัด

          • ใช้การสกัดเย็น (Cold Extraction) หรือการบดสดแล้วกรอง

 • นำใบบัวบกล้างให้สะอาดและบดกับน้ำเย็นที่อุณหภูมิ ต่ำกว่า 10°C

          • ใช้เครื่องบดแบบ High-Speed Blender เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชัน

 • กรองผ่านผ้าขาวบางหรือกระดาษกรองเพื่อแยกกาก

 • ถ้าต้องการสกัดด้วยความร้อน ควรควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 60°C

          • ใช้การ สกัดด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิต่ำ (~50-60°C) ในเวลาสั้น (~10-15นาที)

 • หลีกเลี่ยงการต้มที่อุณหภูมิสูงเกินไป เพราะจะทำให้คลอโรฟิลล์สลายตัวเป็นฟีโอไฟติน (Pheophytin) ซึ่งมีสีเหลืองหรือน้ำตาล

2. ป้องกันการเกิดออกซิเดชัน (Oxidation)

          • เติมสารต้านออกซิเดชันเพื่อคงสีเขียว

 • ใช้ กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid, วิตามิน C) 0.1-0.3% w/v

 • ใช้ สารสกัดจากมะนาวหรือกรดซิตริก (Citric Acid) 0.05-0.1% w/v

          • วิธีนี้ช่วยลดปฏิกิริยาออกซิเดชันของฟลาโวนอยด์และแทนนิน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนสี

 • สกัดภายใต้สภาวะไร้ออกซิเจน

          • ใช้การ สกัดในภาชนะปิดสนิท หรือในสภาวะบรรจุแก๊สไนโตรเจน (N2) เพื่อลดการสัมผัสออกซิเจน

3. การรักษาความเสถียรของคลอโรฟิลล์

 • ปรับค่า pH ให้เป็นกลางหรือเป็นด่างเล็กน้อย (pH 7-8)

 • คลอโรฟิลล์เสื่อมสภาพเร็วในสภาวะเป็นกรด ควรรักษาค่า pH ให้ใกล้เคียงกับสภาวะเป็นกลาง

 • สามารถใช้ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Baking Soda) ประมาณ 0.1-0.2% w/v เพื่อช่วยรักษาสีเขียว

 • ใช้เทคนิค Blanching ก่อนการสกัด

          • ลวกใบบัวบกในน้ำร้อน 85-90°C เป็นเวลา 10-15วินาที แล้วนำไปแช่ในน้ำเย็นจัด (Shock Cooling)

• วิธีนี้ช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ Polyphenol Oxidase (PPO) ที่เป็นตัวเร่งให้สีเปลี่ยน

4. เทคนิคการทำให้เป็นผงชาสำเร็จรูป

          • การพ่นฝอยแห้ง (Spray Drying)

          • เติม มอลโตเด็กซ์ตริน (Maltodextrin) 10-15%เพื่อช่วยลดการเกิดการรวมตัวของสารประกอบฟีนอลที่ทำให้สีเปลี่ยน

• ควบคุมอุณหภูมิที่ 120-140°C เพื่อลดการสลายตัวของคลอโรฟิลล์

 • การอบแห้งแบบ Freeze Drying

          • เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสีเขียว แต่มีต้นทุนสูง

การผสมกับผงน้ำตาลและเก็บรักษา

          • เลือกใช้น้ำตาลที่มีค่า pH เป็นกลาง (เช่น เดกซ์โทรสหรือซูโครส) เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยากับคลอโรฟิลล์

 • บรรจุภัณฑ์ควรเป็นซองฟอยล์ปิดสนิทเพื่อป้องกันความชื้นและออกซิเจน

แนวทางแก้ปัญหา

 1. ใช้การสกัดเย็นหรือควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 60°C

 2. เติมสารต้านออกซิเดชัน เช่น วิตามิน C หรือกรดซิตริก

 3. รักษา pH ให้อยู่ที่ 7-8เพื่อป้องกันการสลายของคลอโรฟิลล์

          4. ใช้การลวกก่อนสกัดเพื่อลดการทำงานของเอนไซม์

 5. เลือกเทคนิคการทำแห้งที่ช่วยรักษาสี เช่น Spray Drying หรือ Freeze Drying

6. ใช้บรรจุภัณฑ์ป้องกันความชื้นและออกซิเจน

สรุปผลการทำงาน: ทำการเชื่อมโยงและบูรณาการเข้ากับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการวิจัยผ่านแหล่งทุนต่างๆ เช่น วช สปอว. บพท. หรือ บพท.เป็นต้น



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 08/03/2568 [18667]
4997 4
2 [18666]

ลำดับที่ 13

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจสมุนไพรพ่อขุน

ผู้ประกอบการ : นางสิริกร เพิ่มกาวี

ที่อยู่:   3/2 หมู่ 9 ต.สามเรือน อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 066-028-8958

ผลิตภัณฑ์โกโกนิปส์

ปัญหาและความต้องการ :การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้ให้เป็นเมล็ดโกโก้คาราเมล (Cocoa Caramelized Beans) สามารถใช้เป็นแนวทางที่สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากโกโก้ได้ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้ามาช่วยปรับปรุงรสชาติและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ได้ดังต่อไปนี้

1.1 การคัดเลือกและเตรียมเมล็ดโกโก้

 • เลือกใช้เมล็ดโกโก้พันธุ์คุณภาพดี เช่น พันธุ์ฟอรัสเทโร (Forastero), คริโอโย (Criollo) หรือไฮบริดทรินิทาริโอ (Trinitario)

 • เมล็ดโกโก้ควรผ่านกระบวนการ หมัก (Fermentation) และตากแห้ง (Drying) เพื่อพัฒนากลิ่นและรสชาติ

 • นำเมล็ดโกโก้ไป คั่ว (Roasting) ที่อุณหภูมิ 120-150°C ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ต้องการ

1.2 กระบวนการเคลือบคาราเมล (Caramelization Process)

 • ใช้น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลมะพร้าว ผสมกับเนยหรือครีม เพื่อให้ได้เนื้อคาราเมลที่มีรสชาติหวานมัน

 • เคลือบเมล็ดโกโก้ด้วยคาราเมลที่อุณหภูมิ 160-180°C เพื่อให้เกิดปฏิกิริยา Maillard Reaction ซึ่งช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีสีสวยและกลิ่นหอม

 • อาจเพิ่ม เกลือทะเล (Sea Salt), ผงโกโก้, อบเชย หรือวานิลลา เพื่อเพิ่มมิติของรสชาติ

 • นำไปอบหรือตากให้คาราเมลเซ็ตตัว

โดยกระบวนการคาราเมล ที่เกิดขึ้นจะเป้นปฏิกิริยา Caramelization: การให้ความร้อนกับน้ำตาลทำให้เกิดสารประกอบใหม่ เช่น furans และ maltol ซึ่งให้รสชาติหวานหอม และปฏิกิริยา Maillard Reaction ระหว่างน้ำตาลและกรดอะมิโนในโกโก้ช่วยเพิ่มรสชาติที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการผลิตโกโก้คาราเมลสิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือเครื่องเคลือบคาราเมลแบบต่อเนื่อง (Continuous Coating Machine) เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เคลือบสม่ำเสมอ เครื่องอบลมร้อน (Hot Air Drying) หรือ Freeze Drying เพื่อให้คาราเมลเซ็ตตัวโดยไม่เหนียวติดกัน และการควบคุมความชื้น (Moisture Control) ป้องกันไม่ให้เมล็ดโกโก้เสียหายจากการดูดความชื้น

การสร้างนวัตกรรมในการพัฒนาโกโก้คาราเมล สามารถ ใช้ สารให้ความหวานทางเลือก เช่น น้ำผึ้ง อินนูลิน (Inulin) หรืออิริทริทอล (Erythritol) สำหรับสูตรสุขภาพ หรือเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) จากโกโก้ โดยไม่ผ่านความร้อนสูงเกินไป หรือใช้เทคนิค Microencapsulation เพื่อป้องกันความชื้นและเพิ่ม Shelf Life ส่วนการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับโกโก้คาราเมล สามารถเลือกใช้คุณสมบัติของบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความชื้นและออกซิเจน เพื่อคงความกรอบของคาราเมล สะท้อนเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์พรีเมียม เช่น ถุงฟอยล์เคลือบเงา หรือกล่องกระดาษเคลือบด้าน พกพาสะดวก เช่น ซอง Zipper หรือซองรีฟิล มี QR Code สำหรับข้อมูลผลิตภัณฑ์ เช่น แหล่งที่มา ประโยชน์ และช่องทางสั่งซื้อ โดยรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่แนะนำ ได้แก่  ซอง Stand-up Pouch พร้อมซิปล็อก กล่อง Tin Can หรือกระป๋องอลูมิเนียม สำหรับตลาดพรีเมียม ซองฟอยล์เล็กแบบแบ่งทาน (Single-serve Pack) สำหรับร้านกาแฟหรือของว่างพกพา

 สำหรับแนวทางการตลาดและช่องทางจำหน่าย สามารถทำได้หลายช่องทาง ได้แก่  ขายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, Facebook Marketplace ส่งขายร้านสุขภาพและคาเฟ่พรีเมียม สร้างแบรนด์ให้มี Storytelling เช่น “โกโก้คาราเมลจากฟาร์มออร์แกนิก”

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมล็ดโกโก้ให้เป็นโกโก้คาราเมลสามารถใช้ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อควบคุมรสชาติและคุณภาพ พร้อมทั้งออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับตลาดเป้าหมาย การใช้เทคโนโลยีการเคลือบ การอบแห้ง และการควบคุมความชื้น จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีอายุการเก็บรักษายาวขึ้นและมีรสชาติที่เสถียร เหมาะกับการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดโกโก้ระดับพรีเมียม

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานทำการเก็บรวบรวมข้อมูลความต้องการเพื่อทำการเชื่อมโยงให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการและนักวิจัยต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 08/03/2568 [18666]
5120 3
2 [18565]

ลำดับที่ 12

กลุ่ม/ชุมชน: ผู้อำนวยการสถาบันภูมิปัญญาสร้างสรรค์

ผู้ประกอบการ : นายวิศุทธิ์ ขวัญพฤกษ์

ที่อยู่:122/14หมู่ 6ถ.คลองชลประทาน ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่  

เบอร์ติดต่อ: 091-156-4285

ผลิตภัณฑ์:มะม่วงอบแห้งแบบธรรมชาติ

ปัญหาและความต้องการ :ผลิตภัณฑ์มะม่วงอบแห้งแบบธรรมชาติมีสีน้ำตาลคล้ำ และอายุการเก็บรักษาสั้น ต้องการหารกระบวนการผลิตที่ทำให้คุณภาพของมะม่วงอบแห้งแบบธรรมชาติมีอายุการเก็บที่ยาวนาน และมีคุณภาพดี

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

ในการแก้ไขปัญหาสำหรับผลิตภัณฑ์มะม่วงอบแห้งที่มีสีน้ำตาลคล้ำและอายุการเก็บรักษาสั้น สามารถปรับปรุงคุณภาพและยืดอายุการเก็บรักษาด้วยกระบวนการและเทคโนโลยีต่อไปนี้ แนวทางในการผลิตเพื่อรักษาคุณภาพสี อาจทำการแช่สารป้องกันการเกิดปฏิกิริยาการเปลี่ยนสี (Browning) เช่นการใช้สารละลายวิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) หรือกรดซิตริกในการแช่มะม่วงก่อนการอบ เพื่อป้องกันปฏิกิริยาเอนไซม์ที่ทำให้เกิดสีน้ำตาล ใช้สารซัลไฟต์ (ในปริมาณที่ปลอดภัยตามข้อกำหนด อย.) เพื่อชะลอการเปลี่ยนสี แต่ต้องแจ้งผู้บริโภคให้ชัดเจนหากมีการใช้ หรือการใช้บรรยากาศควบคุม (Modified Atmosphere) ด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศหรือการใช้ก๊าซเฉื่อย (ไนโตรเจน) เพื่อชะลอปฏิกิริยาที่เกิดจากออกซิเจน ส่วนแนวทางในการเพิ่มอายุการเก็บรักษา ต้องหมั่นการลดความชื้นให้เหมาะสม ควบคุมระดับความชื้นในมะม่วงอบแห้งให้อยู่ที่ 10-15% เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและยืดอายุการเก็บรักษา อาจใช้ใช้เครื่องอบแห้งแบบพลังงานลมร้อน (Hot Air Drying) หรือการอบแห้งแบบสุญญากาศ (Vacuum Drying) ซึ่งช่วยรักษากลิ่นและสีได้ดี การพาสเจอร์ไรส์ (Pasteurization)ด้วยใช้การพาสเจอร์ไรส์ที่อุณหภูมิประมาณ 60-70°C ก่อนการอบแห้งเพื่อทำลายเชื้อจุลินทรีย์ หรือการใช้บรรจุภัณฑ์แบบปิดสนิทและมีตัวดูดซับออกซิเจน (Oxygen Absorbers) เลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีการป้องกันความชื้นและแสง เช่น ถุงอลูมิเนียมฟอยล์ หรือถุงพลาสติกหลายชั้น เทคโนโลยีที่แนะนำ การอบแห้งแบบฟรีซดราย (Freeze Drying) เพื่อรักษาสี กลิ่น รสชาติ และคุณค่าสารอาหาร หรือการเคลือบน้ำตาลธรรมชาติบางๆ เพื่อช่วยป้องกันการเกิดสีน้ำตาลและเพิ่มอายุการเก็บรักษา ส่วนการประยุกต์แนวทางการตลาด เน้นคุณสมบัติของ "มะม่วงอบแห้งธรรมชาติ ไม่มีสารเคมี" และการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย แสดงฉลากที่ระบุวันผลิตและวันหมดอายุที่ชัดเจน พร้อมข้อมูลการเก็บรักษา และหากต้องการทดลองปรับสูตรหรือเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมในโรงงานผลิต ทางที่ดีควรทำการทดสอบในกลุ่มเล็กก่อนขยายสู่การผลิตเชิงพาณิชย์

สรุปผลการทำงาน: นัดพบกลุ่มและที่ปรึกษา เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึกและนำข้อมูลเข้าสู่กระบวนการวิจัยต่อไป โดยเชื่อมโยงกับแหล่งทุนภายในมหาวิทยาลัยและภายนอกต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 01/02/2568 [18565]
5000 1
2 [18548]

ลำดับที่ 11

กลุ่ม/ชุมชน/ชื่อผู้ประกอบการ :  วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกพืชไร่และไม้ดอก ต.ช่องแคบ

ที่อยู่:   181/5 หมู่ที่ 7 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก

เบอร์ติดต่อ: 087-212-3819      

ผลิตภัณฑ์ อาโวคาโด (ผลสด) และอาโวคาโดแช่แข็ง  

ปัญหาและความต้องการ ผลจากการประเมินปัญหาและความต้องการของตัวแทนวิสาหกิจชุมชนฯ ร่วมกับที่ปรึกษา ทำให้สามารถสรุปปัญหา ความต้องการ และเสนอแนวทางการแก้ปัญหาของวิสาหกิจชุมชนฯ โดย

1. นำอาโวคาโด (ผลสด) มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม คือ อาโวคาโดแช่แข็ง ทั้งในรูปแบบชิ้น และแบบปั่นละเอียด และผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มจากอาโวคาโดเพื่อสุขภาพ

2. ฉลากและบรรจุภัณฑ์เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม

3. การตลาด การส่งเสริมการขาย และช่องทางการจำหน่าย

4. การพัฒนาธุรกิจสู่ธุรกิจเพื่อสังคม

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

1. พัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากอาโวคาโดเพื่อให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานและสามารถขอการรับรองมาตรฐานได้

2. พัฒนาและออกแบบฉลากและบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการขายในเชิงธุรกิจ

3. การวิเคราะห์ทิศทางตลาดและส่งเสริมการดำเนินงานของธุรกิจตามแผนธุรกิจที่วางไว้เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นธุรกิจเพื่อสังคม

สรุปผลการทำงาน: คณะทำงานคลินิกเทคโนโลยีจะได้ประสานนักวิจัยเชื่อมโยงกับผู้ประกอบการเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงลึก ผ่านโครงการในแพลตฟอร์มเพิ่มศักยภาพธุรกิจชุมชน (BuildingCommunity Enterprise : BCE)และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน (ตามแนวทางคูปองวิทย์เพื่อโอทอป) ประจำปีงบประมาณ 2569ต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 25/01/2568 [18548]
5000 3
1 [18507]

ลำดับที่ 1

กลุ่ม/ชุมชน: นางสาว นันลนา นามโคตร

ผู้ประกอบการ : วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เลี้ยงปูนา และแปรรูปอำเภอสวรรคโลก

ที่อยู่:   90/3 ย่านยาว หมู่ที่ 2 ย่านยาว สวรรคโลก สุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 065-754-9546

ผลิตภัณฑ์อ่องปูนา

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการยืดอายุการผลิตผลิตภัณฑ์อ่องปูนาแท้ภายใต้บรรจุภัณฑ์ขนาดไม่เกิน 100 มิลลิตร เพื่อนำผลิตภัณฑ์สามารถพกพาขึ้นเครื่องได้

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

         

ในเบื้องต้นได้มีการให้ข้อมูลและคำปรึกษา ดังนี้ อ่องปูนา เป็นผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้านของไทยที่จัดอยู่ใน ประเภทอาหารปรุงสำเร็จ หรือ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปูนา โดยเฉพาะส่วน มันปูนา ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตอ่องปูนา มักปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ เช่น เกลือ พริก น้ำปลา และบางครั้งอาจมีส่วนผสมของสมุนไพรหรือส่วนประกอบอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความอร่อยและเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแต่ละพื้นที่  ผลิตภัณฑ์อ่องปูนาถือเป็น อาหารพื้นบ้าน: อ่องปูนาเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น มักพบในภาคเหนือและภาคอีสานของไทย ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสัตว์น้ำ: เป็นการนำ ปูนา ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่นมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า อาหารพร้อมทาน (Ready-to-Eat): อ่องปูนาเป็นอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงสำเร็จ สามารถนำไปรับประทานได้ทันที หรือนำไปอุ่นก่อนบริโภค โดยผลิตภัณฑ์อ่องปูนาจะมีคุณลักษณะของรสชาติ ที่เป็นลักษณะของมันปูที่เข้มข้น ผสานกับรสชาติของเครื่องปรุง เช่น เค็ม เผ็ด และหอมมัน มีความเนียน มัน และเนื้อสัมผัสนุ่ม มักใช้เป็นเครื่องจิ้มกับข้าวเหนียว ผักลวก หรือข้าวสวย จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ คือ

 1. ภูมิปัญญาท้องถิ่น: สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของชาวไทยในชนบท

 2. วัตถุดิบจากธรรมชาติ: ใช้ปูนาที่หาได้ตามท้องไร่ท้องนา

 3. การเก็บรักษา: เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุการเก็บรักษาสั้น แต่สามารถเพิ่มอายุได้ด้วยกระบวนการถนอมอาหาร

ส่วนการยืดอายุการเก็บรักษาของผลิตภัณฑ์ อ่องปูนาแท้ ที่ผลิตจากมันปู สามารถทำได้ผ่านกระบวนการผลิตและการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม โดยมีคำปรึกษาดังนี้ :

1. กระบวนการผลิต การปรับปรุงกระบวนการผลิตช่วยลดความเสี่ยงต่อการเน่าเสียและการปนเปื้อน:

          1. การพาสเจอไรซ์ (Pasteurization) ใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 60-85°C เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการเน่าเสีย โดยไม่ทำลายรสชาติและคุณค่าทางอาหารของผลิตภัณฑ์

 2. การสเตอริไลซ์ (Sterilization)  ใช้ความร้อนสูงกว่า 100°C เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเก็บรักษาในอุณหภูมิห้อง

 3. การควบคุมค่า pH ลดค่า pH ของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ในระดับที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น การเติมน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวในปริมาณที่เหมาะสม

 4. การลดความชื้น ลดปริมาณน้ำในผลิตภัณฑ์ เช่น การทำให้เข้มข้นหรือการอบแห้งบางส่วน เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

 5. การแช่เย็น (Cold Chain) เก็บรักษาผลิตภัณฑ์ในอุณหภูมิต่ำ (0-4°C) ระหว่างการผลิตและขนส่ง

2. การเลือกบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมช่วยป้องกันการปนเปื้อนและยืดอายุการเก็บรักษา:

 1. ระบบปิดสนิท (Airtight Packaging) ใช้ขวดแก้วหรือพลาสติกที่มีฝาปิดสนิทเพื่อป้องกันอากาศและความชื้นเข้าไป

          2. การบรรจุสุญญากาศ (Vacuum Packaging) ดูดอากาศออกจากบรรจุภัณฑ์เพื่อลดการเกิดออกซิเดชันและการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์

 3. การบรรจุในบรรยากาศปรับแต่ง (Modified Atmosphere Packaging - MAP) ใช้ก๊าซเฉื่อย เช่น ไนโตรเจน หรือคาร์บอนไดออกไซด์แทนอากาศในบรรจุภัณฑ์

 4. การใช้ฟิล์มกันแสงและออกซิเจน (Barrier Films)ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันแสง UV และการซึมผ่านของออกซิเจน

5. การบรรจุแบบเรทอร์ท (Retort Packaging) ใช้ถุงหรือกระป๋องที่สามารถผ่านกระบวนการสเตอริไลซ์ได้

นอกจากนี้การเลือกบรรจุภัณฑ์ขนาด ไม่เกิน 70 มล. ที่มีรูปทรงคล้ายแบรนด์รังนก สามารถปิดสนิทจะมีผลทำให้การนำผลิตภัณฑ์สามารถขั้นเครื่องได้ ดังนั้นอาจมีการเลือกบรรจุภัณฑ์ ดังนี้

วัสดุที่แนะนำ

 1. ขวดแก้ว  ข้อดี:ป้องกันการซึมผ่านของอากาศและความชื้น ดูพรีเมียมและสะท้อนคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ทนต่อกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน ข้อเสีย: น้ำหนักมากกว่าและเสี่ยงต่อการแตก

 2. ขวดพลาสติก PET เกรดอาหาร ข้อดี: น้ำหนักเบา ราคาถูกกว่าแก้ว ปลอดภัยสำหรับอาหาร ข้อเสีย:  อาจต้องเพิ่มฟิล์มกันแสงเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของผลิตภัณฑ์

การออกแบบขวด เพื่อให้คล้ายแบรนด์รังนก ขวดควรมีลักษณะดังนี้:

 1. รูปทรงทรงกลมสั้น ดูหรูหราและง่ายต่อการถือ พื้นที่ปิดฝาควรมีเกลียวปิดสนิท

 2. ฝาปิดแน่นหนาเลือกฝาแบบ Aluminum Cap (ฝาโลหะ) หรือ Plastic Seal Cap ที่มีซีลกันรั่ว

 3. ฟังก์ชันพิเศษ อาจเพิ่มซีลสุญญากาศหรือฟิล์มหุ้มเพื่อแสดงความปลอดภัย

 4. ฉลากที่ชัดเจนและดึงดูด ใช้ฉลากโปร่งใสหรือฉลากกันน้ำที่ดูสะอาดตา พร้อมข้อมูลผลิตภัณฑ์ครบถ้วน

การเลือกกระบวนการบรรจุ เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความสะอาดและยืดอายุ:

 1. การบรรจุแบบร้อน (Hot Filling) เติมผลิตภัณฑ์ในขวดขณะร้อน (ประมาณ 85°C) เพื่อฆ่าเชื้อและปิดฝาทันที เหมาะกับขวดแก้วหรือขวดพลาสติกที่ทนความร้อน

 2. การบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Aseptic Filling) ใช้ในกรณีที่ต้องการลดการใช้ความร้อน เพื่อรักษารสชาติและคุณค่าทางอาหาร

 3. การใช้ซีลปิดฝา (Induction Seal) เพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

การประเมินต้นทุนบรรจุภัณฑ์

 • ราคาขวดแก้ว (70 มล.): ประมาณ 3-7 บาท/ขวด (ขึ้นอยู่กับคุณภาพและจำนวนการสั่ง)

 • ราคาขวดพลาสติก PET (70 มล.): ประมาณ 2-5 บาท/ขวด

 • ราคาฝา: 1-3 บาท/ฝา

 • ต้นทุนการติดฉลาก: 1-2 บาท/ขวด

สรุปผลการทำงาน: ควรทำการส่งต่อผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อทำให้เกิดการจับคู่ นำไปสู่การจัดทำข้อเสนอโครงการ เพื่อส่งเสริมและยกระดับสินค้าให้ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจผ่านการสนับสนุนงบประมาณจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม หรือ ภาคีเครือข่ายภาครัฐหรือเอกชน



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18507]
2450 2
1 [18518]

ลำดับที่ 9

กลุ่ม/ชุมชน: -

ผู้ประกอบการ : คุณพิมพ์พิสุทธิ์ เทพยศ

ที่อยู่:54หมู่ 4ตำบลคลองยาง อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 095-823-4289

ผลิตภัณฑ์: เป็นผลผลิตทางการเกษตร ได้แก่ กล้วย มะม่วง มะนาว มะยงชิด ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูป ได้แก่ คุกกี้กล้วย กล้วยแผ่น กล้วยตาก กล้วยฉาบ หน่อไม้ดอง ถ่าน น้ำส้มควันไม้ และเครื่องประดับ

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตร และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยอย่างเน้นให้ตอบโจทย์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :ด้วยผู้ประกอบการมีผลผลิตทางการเกษตรและมีสวนเป็นของตนเองต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเพื่อให้ตอบโจทย์แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สำหรับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร อาจใช้แนวคิดพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยเน้นการสร้างเอกลักษณ์ท้องถิ่น จากการใช้วัตถุดิบจากชุมชน และสื่อถึงวัฒนธรรมผ่านผลิตภัณฑ์ เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ โดยใช้กระบวนการแปรรูปที่ทันสมัย เช่น การอบแห้ง การหมัก การสกัดสารออกฤทธิ์ ทำให้เป็นสินค้าที่ระลึก (Souvenir Product) เน้นบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการพกพาและสามารถนำกลับไปเป็นของฝาก แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากผลผลิตทางการเกษตรจาก 1) ผลิตภัณฑ์จากกล้วย เช่น กล้วยตากเคลือบช็อกโกแลต / คาราเมล – เพิ่มรสชาติให้แปลกใหม่ กล้วยทอดกรอบรสชาติพิเศษ – เช่น รสต้มยำ รสสมุนไพร ชากล้วย – ใช้เปลือกกล้วยหรือกล้วยหอมแห้งมาทำเป็นชาเพื่อสุขภาพ 2) ผลิตภัณฑ์จากมะม่วง มะม่วงอบกรอบ (Freeze-Dried Mango) – เก็บได้นาน รักษารสชาติ น้ำส้มสายชูหมักจากมะม่วง – ใช้เป็นเครื่องปรุงหรือ เครื่องดื่มสุขภาพ แยมมะม่วงผสมพริกไทยดำ – เพิ่มรสชาติแปลกใหม่ 3) ผลิตภัณฑ์จากมะนาว ผงมะนาวอบแห้ง – ใช้ชงเครื่องดื่มหรือปรุงอาหาร น้ำมะนาวหมักโซดา – ทำเป็นเครื่องดื่มสุขภาพพร้อมดื่ม 4) ผลิตภัณฑ์จากมะยงชิด มะยงชิดเชื่อมพรีเมียม – บรรจุในกระปุกสวยงามสำหรับของฝาก มะยงชิดอบแห้ง (Soft-Dried Mayongchid) – เป็นขนมเพื่อสุขภาพ 5) ผลิตภัณฑ์จากหน่อไม้ดอง หน่อไม้ดองสำเร็จรูปในถุงสุญญากาศ – เพื่อความสะดวกในการพกพา ซอสหน่อไม้ดองสำหรับปรุงอาหาร – ใช้ในอาหารต่างชาติ เช่น อาหารญี่ปุ่นหรือเกาหลี 6) ผลิตภัณฑ์จากถ่านและน้ำส้มควันไม้ ถ่านหอมสมุนไพร – ผสมใบเตย ตะไคร้ หรือสมุนไพรอื่นๆ สเปรย์น้ำส้มควันไม้ไล่แมลง – ขายเป็นของใช้สำหรับนักท่องเที่ยว 7) เครื่องประดับจากวัสดุธรรมชาติ เครื่องประดับจากเมล็ดพืชหรือไม้ไผ่ – ทำเป็นของที่ระลึกจากฟาร์ม พวงกุญแจจากเปลือกผลไม้แห้ง – เช่น เปลือกมะนาวหรือมะม่วง ส่วนแนวทางการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงเกษตรควรมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุธรรมชาติ – เช่น กล่องกระดาษรีไซเคิล ถุงกระดาษ ถุงผ้า บรรจุภัณฑ์พกพาสะดวก – เช่น ซองซิปล็อก ขวดขนาดพกพา ออกแบบให้มีเรื่องราว – พิมพ์ QR Code ที่บอกเล่าเรื่องราวของฟาร์มหรือที่มาของวัตถุดิบ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม – ใช้พลาสติกชีวภาพ (Biodegradable Plastic)

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18518]
4500 1
1 [18517]

ลำดับที่ 8

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนสมุนไพรเพื่อสุขภาพบ้านคลองระหัน

ผู้ประกอบการ : นางสุภาพร บางเกตุ

ที่อยู่:1หมู่ 5 ตำบลบ้านหลุม อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 083-770-0617

ผลิตภัณฑ์แชมพู สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ลูกประคบ สมุนไพรบดอัดแคปซูล

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการพัฒนาสูตรแชมพูน้ำนมข้าว ฟักข้าว มะชาม เปลือกมังคุด น้ำผึ้ง มะเฟือง พร้อมกับพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้มีความเหมาะสม สามารถขึ้น อย. และต้องการวิธีการสกัดสมุนไพร เพื่อให้มีคุณภาพสำหรับเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์แชมพู

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :ข้อมูลและคำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาสูตรแชมพูจากสมุนไพร  จากส่วนผสมธรรมชาติ โดยส่วนมากวัตถุดิบหลักและคุณสมบัติ เช่น น้ำนมข้าว– บำรุงเส้นผม ให้ความชุ่มชื้น ลดอาการผมแห้งเสีย ฟักข้าว – อุดมด้วยไลโคปีนและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงหนังศีรษะ มะขาม – มี AHA ธรรมชาติ ช่วยผลัดเซลล์หนังศีรษะและลดรังแค เปลือกมังคุด – มีสารแทนนินช่วยลดการอักเสบ ลดอาการคัน และช่วยลดเชื้อราบนหนังศีรษะ น้ำผึ้ง – มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ให้ความชุ่มชื้นแก่หนังศีรษะ มะเฟือง – ช่วยควบคุมความมันของหนังศีรษะ และบำรุงรากผมให้แข็งแรง ซึ่งการผลิตแชมพูจะมีสูตรพื้นฐานแชมพูสมุนไพร ประกอบด้วย สารทำความสะอาด (SLS-Free) 15-20% สารสกัดสมุนไพร (รวมกัน) 10-20% น้ำมันธรรมชาติ (เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน) 2-5% สารปรับค่า pH (กรดซิตริก) ปรับให้ pH อยู่ที่ 5.5-6.5 สารกันเสียจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากโรสแมรี่ วิตามินอี ส่วนวิธีการสกัดสมุนไพรเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในแชมพู ทำได้โดย 1) การสกัดแบบน้ำ (Water Extraction) ใช้กับ มะขาม เปลือกมังคุด มะเฟือง ต้มหรือแช่น้ำร้อนเพื่อดึงสารสำคัญออกมา 2) การสกัดแบบแอลกอฮอล์ (Ethanol Extraction) ใช้กับ ฟักข้าว เปลือกมังคุด เพื่อดึงสารต้านอนุมูลอิสระ ควรใช้แอลกอฮอล์ 70% แช่ไว้ 24-48 ชม. 3) การสกัดแบบน้ำมัน (Oil Infusion) ใช้กับ น้ำนมข้าว น้ำผึ้ง ฟักข้าว โดยแช่ในน้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะกอก หรือมะพร้าว ส่วนการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม สามารถเลือกได้หลายแบบ ได้แก่ ขวดพลาสติก PET สีชา – ป้องกันการเสื่อมสภาพของสารสกัดจากแสง ขวดปั๊ม (Pump Bottle) – ใช้งานสะดวก ควบคุมปริมาณการใช้ ขวดแก้วสำหรับผลิตภัณฑ์พรีเมียม – คงคุณภาพของสารสกัดได้นานขึ้น อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการส่งเสริมความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าควรมีการขอมาตรฐาน อย. ซึ่งแนวทางการขอ อย. ประกอบด้วย เตรียมสูตรและเอกสาร – ส่วนประกอบโดยละเอียด กระบวนการผลิต ส่งตัวอย่างทดสอบความปลอดภัย – ตรวจสอบการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ ยื่นขอ อย. กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

ตรวจสอบสถานที่ผลิต– โรงงานต้องมีมาตรฐาน GMP

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18517]
4700 1
1 [18516]

ลำดับที่ 7

กลุ่ม/ชุมชน: น้ำจิ้มยายวา

ผู้ประกอบการ : นางนิตยา อภิมนต์บุตร

ที่อยู่:21/1 หมู่ 4 ตำบลเนิ่นกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก

เบอร์ติดต่อ: 089-707-8878

ผลิตภัณฑ์:น้ำจิ้มลูกชิ้น 4 รสชาติ น้ำผัดไทย มะขามกวน

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการพัฒนามะขามกวนจากกากมะขาม ต้องการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ท๊อฟฟี่เคี้ยวหนึบให้มีความสวยงาม สามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้ และให้ถูกใจผู้บริโภค

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากมะขามกวน สามารถให้เป็นผลิตภัณฑ์ ท๊อฟฟี่มะขามเคี้ยวหนึบ (Tamarind Chewy Toffee) โดยใช้รูปแบบ: ท๊อฟฟี่เนื้อเคี้ยวหนึบจากมะขามกวน ผสมผลไม้หรือสมุนไพร เช่น น้ำผึ้ง เกลือหิมาลัย ขิง กลุ่มเป้าหมาย: คนรักสุขภาพ เด็ก และวัยรุ่น เทคนิค: ใช้เจลาตินจากพืชหรือเพคตินเพื่อปรับเนื้อสัมผัส การตลาด: บรรจุเป็นชิ้นเล็กพร้อมทาน ขายในร้านของฝาก ร้านสุขภาพ หรืออาจมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มะขามกวนแท่งพลังงาน (Tamarind Energy Bar) รูปแบบ: ผสมธัญพืช เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ งาดำ กลุ่มเป้าหมาย: นักกีฬา คนทำงาน คนรักสุขภาพ เทคนิค: ใช้การอัดแท่งและอบแห้งเพื่อให้พกพาสะดวก การตลาด: ขายในร้านอาหารสุขภาพ ร้านค้าออนไลน์ หรือเป็นผลิตภัณฑ์ มะขามกวนอบกรอบ (Tamarind Crispy Snack) รูปแบบ: มะขามกวนที่ทำให้แห้งและกรอบ คล้ายขนมกรอบ กลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มวัยรุ่น และคนที่ชอบขนมขบเคี้ยว เทคนิค: ใช้การทอดสุญญากาศ (Vacuum Frying) เพื่อให้กรอบโดยไม่อมน้ำมัน การตลาด: วางขายตามร้านสะดวกซื้อ หรือทำเป็นผลิตภัณฑ์ซอสหรือแยมมะขามกวน (Tamarind Jam / Sauce) รูปแบบ: ซอสหรือแยมจากมะขามกวน ใช้ทาขนมปัง หรือเป็นน้ำจิ้ม กลุ่มเป้าหมาย: ครัวเรือน ร้านอาหาร ร้านขนม เทคนิค: ใช้สารเพิ่มความหนืดธรรมชาติ เช่น เพคติน การตลาด: ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือส่งให้ร้านอาหาร

สำหรับการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ เช่น 1) บรรจุภัณฑ์สำหรับท๊อฟฟี่มะขามเคี้ยวหนึบ แบบแยกชิ้น (Individual Wrapping): ใช้ฟิล์มพลาสติกลามิเนตที่ทนต่อความชื้น แบบซองซิปล็อก (Zip Lock Pouch): ใช้ถุงลามิเนตที่มีวาล์วกันอากาศ กล่องกระดาษ (Paper Box): เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สำหรับของฝาก 2) บรรจุภัณฑ์สำหรับมะขามกวนแท่งพลังงาน ฟิล์มโปร่งใสเคลือบลามิเนต (Laminated Transparent Film): เพื่อโชว์เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ ซองฟอยล์ (Foil Pouch): ป้องกันความชื้นและช่วยยืดอายุสินค้า 3) บรรจุภัณฑ์สำหรับมะขามกวนอบกรอบ ซองสูญญากาศ (Vacuum Pack): ป้องกันการเกิดความชื้น กระป๋องพลาสติก (Plastic Canister): เพื่อรักษาความกรอบ 4) บรรจุภัณฑ์สำหรับซอสหรือแยมมะขามกวน ขวดแก้ว (Glass Jar): สำหรับสินค้าพรีเมียม ขวดพลาสติก PET: น้ำหนักเบา ราคาถูก เหมาะกับการขายทั่วไป ซองบีบ (Squeeze Pouch): พกพาง่าย ใช้สะดวก

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18516]
5000 1
1 [18515]

ลำดับที่ 6

กลุ่ม/ชุมชน: ข้าวป้าสร้อย

ผู้ประกอบการ : นางสาวสร้อย เพียรทอง

ที่อยู่:104หมู่ 4 ต.ไกรใน อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย 64170

เบอร์ติดต่อ: 062-529-4710

ผลิตภัณฑ์ข้าวสารบรรจุสุญญากาศ ผำพอง คุกกี้จมูกข้าว ผงข้าวชงดื่ม โจ๊กข้าวสามสี

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการขอมาตรฐาน อย. สำหรับข้าวบรรจุสุญญากาศ เครื่องหมาย QGAPแปลงข้าว และพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวผสมผำ

การให้คำปรึกษา และข้อมูล : แนวทางขอมาตรฐาน อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) สำหรับข้าวบรรจุสุญญากาศ เอกสารที่ต้องเตรียม ข้อมูลผู้ประกอบการและโรงงานผลิต รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เช่น ชนิดข้าว วิธีการบรรจุ อายุการเก็บรักษา สูตรและกระบวนการผลิต ฉลากสินค้าตามข้อกำหนดของ อย. ขั้นตอนการขอ อย. สมัครเป็นผู้ประกอบการในระบบ e-Submission ของ อย. ยื่นคำขอและส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์เพื่อตรวจสอบ รอการพิจารณาและอนุมัติ (ใช้เวลาประมาณ 30-90 วัน) ซึ่งจะมีค่าใช้จ่าย คือ ค่าธรรมเนียมขอเลข อย. ประมาณ 2,000-5,000 บาท ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ (หากจำเป็น) การขอเครื่องหมาย Q และ GAP สำหรับแปลงข้าว เครื่องหมาย Q (Q-Mark) โดยกรมการข้าว ต้องมีมาตรฐานการผลิตที่ควบคุมคุณภาพตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว และแปรรูป มีการตรวจสอบแปลงนาและกระบวนการผลิต สมัครขอรับรองที่กรมการข้าวหรือศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวประจำจังหวัด GAP (Good Agricultural Practices) สำหรับแปลงข้าวเป็นมาตรฐานการเพาะปลูกที่ลดสารเคมีและควบคุมความปลอดภัยของผลผลิต ต้องมีการตรวจสอบแปลงโดยเจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตร สมัครได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดหรือกรมวิชาการเกษตร การพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวผสมผำ แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ข้าวผสมผำพร้อมหุงสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการอาหารสุขภาพ เครื่องดื่มจากข้าวผสมผำ เช่น น้ำนมข้าวผสมผำ ขนมข้าวอบกรอบหรือซีเรียลจากข้าวผสมผำ ข้อดีของการใช้ผำเป็นส่วนผสม ผำเป็นแหล่งโปรตีนสูงและอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ตอบโจทย์กลุ่มตลาดอาหารสุขภาพและ Plant-Based Food แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชผำ อาจทำได้โดยการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของพืชผำ ผำเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่มีกรดอะมิโนจำเป็นสูง อุดมด้วยแร่ธาตุ เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม และโอเมก้า 3 เหมาะสำหรับตลาดอาหารสุขภาพ และผู้ที่ต้องการโปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein) แนวคิดผลิตภัณฑ์ที่สามารถพัฒนาได้ เช่น ผลิตภัณฑ์อาหาร ข้าวผสมผำ – ข้าวเสริมโปรตีนจากผำสำหรับผู้รักสุขภาพ เส้นพาสต้า/บะหมี่จากแป้งข้าวผสมผำ – เพิ่มโปรตีนจากธรรมชาติ ขนมขบเคี้ยว (Snack) จากผำ – เช่น ข้าวอบกรอบผสมผำ หรือสแน็คแท่งโปรตีน เครื่องดื่มจากผำ – เช่น น้ำนมข้าวผสมผำ หรือโปรตีนเชคจากผำ เต้าหู้หรือเทมเป้จากผำ – พัฒนาเป็นโปรตีนทางเลือกสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ ผำอบแห้งหรือแคปซูลเสริมอาหาร – สำหรับผู้ที่ต้องการสารอาหารจากผำในรูปแบบเข้มข้น ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ เซรั่มหรือครีมบำรุงผิวจากสารสกัดผำ – เนื่องจากผำมีสารต้านอนุมูลอิสระ สบู่และแชมพูจากผำ – ใช้คุณสมบัติของสารธรรมชาติในผำบำรุงผิวและเส้นผม ผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม ปุ๋ยชีวภาพจากผำ – ใช้ผำเป็นแหล่งไนโตรเจนในการทำปุ๋ย ฟิล์มชีวภาพจากโปรตีนผำ – ใช้แทนพลาสติกแบบย่อยสลายได้ แนวทางการแปรรูปและถนอมอาหาร ใช้เทคนิคการอบแห้ง หรือตากแห้งเพื่อเก็บรักษาสารอาหาร พัฒนาเป็นผงโปรตีนจากผำเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร ใช้เทคโนโลยีสกัดสารอาหารเพื่อเพิ่มคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ควรมีการขอขอมาตรฐานและรับรองคุณภาพ ซึ่งการขอมาตรฐาน อย. สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ขอมาตรฐาน GMP และ HACCP สำหรับกระบวนการผลิต หากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก อาจขอใบรับรอง Organic Certification

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18515]
5000 1
1 [18514]

ลำดับที่ 5

กลุ่ม/ชุมชน: กรพัฒนากิจ

ผู้ประกอบการ : นางสาวชาญพิชญ์คูณ ประสุขทวีสิน

ที่อยู่:37หมู่ 5ต. ศรีนคร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย

เบอร์ติดต่อ: 061-1564563, 094-5211299

ผลิตภัณฑ์มะม่วงหาวมะนาวโห่อบแห้ง ไซรับมะม่วงหามะนาวโห่

ปัญหาและความต้องการ :ผู้ประกอบการต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไซรัปให้เป็นเครื่องดื่มพร้อมรับประทาน โดยต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีราคาไม่แพง สามารถทนความร้อน ต้นทุนต่ำ น้ำหนักเบา คล้ายกับถุงเจลลี่ เพื่อให้สามารถจำหน่ายได้หลายช่องทาง ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการจำหน่ายไซรัปมะม่วงหาวมะนาวโห่ ซึ่งเวลาใช้ ผู้บริโภคต้องนำไปผสมน้ำเองหรือผสมเครื่องดื่มต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง จึงต้องการพัฒนาน้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ในรูปแบบพร้อมดื่ม

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :แนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่พร้อมดื่ม อาจทำได้หลายแบบขึ้นกับต้องการจำหน่ายลูกค้าประเภทไหน เช่น อาจมีการการพัฒนาสูตรเครื่องดื่มพร้อมดื่ม ปรับสูตรให้มีรสชาติที่กลมกล่อม ดื่มง่าย ไม่เปรี้ยวเกินไป อาจเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยเสริมสุขภาพ เช่น น้ำผึ้ง น้ำตาลอ้อย หรือคอลลาเจน ควรใช้สารกันเสียจากธรรมชาติ เช่น วิตามินซี หรือกรดซิตริก พัฒนาให้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เช่น สูตรน้ำตาลต่ำหรือสูตร 0 แคลอรี  เป็นต้น ส่วนการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม อาจใช้ถุงเจลลี่หรือถุง Spout Pouch: น้ำหนักเบา ราคาประหยัด และสะดวกพกพา ขวด PET หรือขวดพลาสติกแบบร้อน (Hot Fill PET): เหมาะสำหรับเครื่องดื่มที่ต้องผ่านกระบวนการพาสเจอไรซ์ ถ้วยพลาสติกซีลฝา (Cup Seal): คล้ายเครื่องดื่มเจลลี่ ดื่มได้ง่าย เหมาะสำหรับตลาดเด็กและวัยรุ่น ขวดแก้วขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับการสร้างภาพลักษณ์พรีเมียม ซึ่งควรมีการเพิ่มความสามารถในการเก็บรักษา โดยใช้กระบวนการ พาสเจอไรซ์ (Pasteurization) หรือ UHT (Ultra Heat Treatment) ปรับค่า pH และ Brix (ปริมาณน้ำตาล) เพื่อช่วยยืดอายุการเก็บ ใช้เทคโนโลยีบรรจุแบบปลอดเชื้อ (Aseptic Packaging) อย่างไรก็ตามตามกฏหมายของเครื่องดื่มแล้วควรมีการขอใบรับรองคุณภาพ ขอ อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย พิจารณามาตรฐาน GMP และ HACCP เพื่อความปลอดภัยของอาหาร หากต้องการส่งออก ควรพิจารณามาตรฐาน Halal หรือ Organic สำหรับกลยุทธ์การตลาดและช่องทางจำหน่าย อาจเริ่มจากวางจำหน่ายผ่าน ร้านค้าเพื่อสุขภาพ หรือ คาเฟ่ที่เน้นเครื่องดื่มสุขภาพ

ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada หรือ TikTok Shop ทำการตลาดด้วย อินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ จัดโปรโมชั่นแบบแพ็กเกจ เช่น ซื้อ 5 แถม 1 หรือ Subscription Box

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับต้นทุน การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และการขอใบรับรอง ต้นทุนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ การคำนวณต้นทุนต่อหน่วย วัตถุดิบ: เช่น น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่, สารเพิ่มรสชาติ, น้ำตาล, สารกันเสียจากธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์: ถุง Spout Pouch ราคาประมาณ 1.5-3 บาท/ใบ หรือขวด PET ราคาประมาณ 2-5 บาท/ขวด กระบวนการผลิต: ค่าจ้างเครื่องจักร, พาสเจอไรซ์ หรือ UHT ค่าแรง: ค่าแรงงานต่อชั่วโมงและต้นทุนการบรรจุ ต้นทุนอื่น ๆ: เช่น โลโก้ ฉลาก การขนส่ง การลดต้นทุนอาจทำได้โดยสั่งซื้อวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ในปริมาณมากเพื่อลดราคาต่อหน่วย เลือกบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศเพื่อลดค่าขนส่ง การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ความคุ้มค่า: ใช้บรรจุภัณฑ์น้ำหนักเบา เช่น ถุง Spout Pouch ซึ่งเหมาะสำหรับตลาดที่เน้นความสะดวกและราคาประหยัด การดึงดูดสายตา ใช้สีสดใส เช่น สีแดงเข้ม สีชมพู หรือสีทอง เพื่อสื่อถึงความสดชื่นและพรีเมียม พิมพ์ลายผลมะม่วงหาวมะนาวโห่เพื่อบ่งบอกถึงวัตถุดิบหลัก ความสะดวก เลือกบรรจุภัณฑ์ที่เปิดง่ายและปิดได้ เช่น ฝาเกลียวหรือซิปล็อก ส่วนการขอใบรับรองคุณภาพ อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เอกสารที่ต้องเตรียม: สูตรส่วนผสม, ฉลากสินค้า, รายละเอียดกระบวนการผลิต ค่าใช้จ่าย: ประมาณ 2,000-5,000 บาทต่อผลิตภัณฑ์ GMP (Good Manufacturing Practice) ตรวจสอบสถานที่ผลิตให้ได้มาตรฐาน เช่น ความสะอาดและปลอดภัยของเครื่องจักร ค่าใช้จ่าย: ขึ้นอยู่กับการปรับปรุงสถานที่ HACCP (Hazard Analysis Critical Control Point) เป็นมาตรฐานเพื่อควบคุมความเสี่ยงในกระบวนการผลิต ค่าใช้จ่าย: ประมาณ 50,000-150,000 บาท (ขึ้นกับขนาดโรงงาน) มาตรฐานเพิ่มเติม Halal: สำหรับการจำหน่ายในกลุ่มประเทศมุสลิม Organic Certification: สำหรับเครื่องดื่มสุขภาพที่เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติ แนวทางปฏิบัติและคำแนะนำ เริ่มต้นจากการขอ อย. ก่อนเพื่อเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ จ้างที่ปรึกษาด้านมาตรฐาน GMP/HACCP หากต้องการส่งออก ทดสอบการตลาดด้วยบรรจุภัณฑ์ราคาประหยัด (ถุง Spout Pouch) ก่อนขยายไปใช้บรรจุภัณฑ์พรีเมียม

 

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18514]
4500 1
1 [18513]

ลำดับที่ 4

กลุ่ม/ชุมชน: วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์และการแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย

ผู้ประกอบการ : นางนงค์รัก แสนอุบล

ที่อยู่:44/4หมู่ 8ต.นครเดิฐ อ.ศรีนคร จ.สุโขทัย 164180

เบอร์ติดต่อ: 0819535176

ผลิตภัณฑ์มะม่วงกวน กล้วยแผ่น กล้วยตาก

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์มะม่วงกวนให้สามารถมีบรรจุภัณฑ์ที่สามารถส่งออกจำหน่ายพื้นที่อื่นได้ สามารถยกระดับหรือเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สามารถจำหน่ายได้ราคาเพิ่มขึ้น

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับการส่งออกสำหรับผลิตภัณฑ์มะม่วงกวน อาจเลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์: ควรเลือกวัสดุที่สามารถป้องกันความชื้นและแสงได้ดี เช่น ฟอยล์ลามิเนต ซองพลาสติกซีลสูญญากาศ หรือกล่องที่มีซองกันความชื้นภายใน  ดีไซน์บรรจุภัณฑ์: เน้นความทันสมัย ดึงดูดลูกค้า อาจใช้ภาพลายเส้นเกี่ยวกับมะม่วงและสีทองเพื่อสื่อถึงคุณภาพระดับพรีเมียม รูปแบบบรรจุภัณฑ์: อาจใช้เป็นแบบแท่ง (Bar), แผ่นห่อเป็นชิ้นเล็ก ๆ (Snack Pack) หรือกล่องของขวัญ (Gift Box) โดยการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ สามารถทำได้โดยการใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง: ใช้มะม่วงพันธุ์ดี เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ หรือมะม่วงอกร่อง การปรับสูตรให้พรีเมียม: อาจเพิ่มรสชาติใหม่ ๆ เช่น มะม่วงกวนผสมเสาวรส น้ำผึ้ง หรือเกลือหิมาลัย การใช้แนวคิดสุขภาพ: ทำมะม่วงกวนสูตรน้ำตาลต่ำ หรือไม่เติมสารกันเสีย เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าสายสุขภาพ นอกจากนี้การสร้างตราสินค้า (Branding) ควรคิดชื่อแบรนด์ที่สื่อถึงคุณภาพ เช่น “Mango Bliss” หรือ “มะม่วงกวนทอง” ออกแบบโลโก้และฉลากที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของสินค้า ระบุแหล่งผลิตเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น “ผลิตจากมะม่วงสวนออร์แกนิก จังหวัดสุโขทัย” เป็นต้น การขอการรับรองคุณภาพเพื่อส่งออก ได้แก่ ขอ อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค มาตรฐาน GMP/HACCP สำหรับการผลิตที่สะอาดและปลอดภัย หากต้องการส่งออก อาจพิจารณามาตรฐาน HalalOrganic Certification หรือ FDA (สำหรับสหรัฐฯ)ส่วนกลยุทธ์การทำตลาดและขยายช่องทางจำหน่าย สามารถทำได้โดยายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada หรือ Amazon จัดทำคอนเทนต์รีวิวสินค้าผ่าน TikTok, Facebook หรือ Instagram ส่งออกไปยังร้านขายของฝาก สนามบิน หรือร้านค้าเพื่อสุขภาพ

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18513]
4500 1
1 [18509]

ลำดับที่ 3

กลุ่ม/ชุมชน: พญาไพร

ผู้ประกอบการ : นางศริสา เข็มวัน(คุณต้อม)

ที่อยู่:358 ถนนเทศา 2ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

เบอร์ติดต่อ: 086-781-5441

ผลิตภัณฑ์:เครื่องสำอางชนิดต่างๆ ที่ทำจากสมุนไพร

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการผลิตสารกันแดดจากเปลือกกล้วยไข่เพื่อเพิ่มมูลค่า

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :การผลิตสารกันแดดจากเปลือกกล้วยไข่เพื่อเพิ่มมูลค่า ควรทำการการสกัดสารสำคัญ (Extraction Process) ด้วยการศึกษาสาระสำคัญในเปลือกกล้วยไข่ก่อน อย่างไรก็ตามเปลือกกล้วยไข่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ ซึ่งสามารถมีคุณสมบัติในการป้องกันรังสียูวีได้ ในเบื้องต้นวิธีการสกัดทำได้หลายอย่าง เช่น การสกัดด้วยตัวทำละลายธรรมชาติ (เอทานอลหรือน้ำ) หรือวิธีที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การสกัดด้วยอัลตราโซนิก การสกัดจะต้องควบคุมเงื่อนไข เช่น อุณหภูมิ ความดัน และเวลา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสกัด ปรับปรุงสารสกัดเพื่อทำให้สารสกัดมีความเสถียร เช่น การเติมสารช่วยคงตัว หรือการใช้เทคนิคการไมโครเอนแคปซูเลชัน (Microencapsulation) และควรมีการพิสูจน์คุณสมบัติ (Testing and Validation) ด้วยการทดสอบประสิทธิภาพสารกันแดด ซึ่งจะใช้การทดสอบ SPF (Sun Protection Factor) โดยอาจใช้ห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือมาตรฐาน ทำการวิเคราะห์ความปลอดภัย เช่น ทดสอบการระคายเคืองต่อผิวหนัง (Patch Test) ตรวจสอบสารพิษตกค้าง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยต่อผู้บริโภค วิเคราะห์คุณสมบัติอื่น เช่น วัดคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระและความเสถียรของสารสกัดเมื่อเก็บในสภาพแวดล้อมต่างๆ นอกจากนี้หากมีการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แล้ว ควรมีการการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ (Packaging Development) ควบคู่ไปด้วยเพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดจำหน่าย ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ หรือวัสดุรีไซเคิล ออกแบบให้สะดุดตาและแสดงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ เช่น “ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ” การตรวจสอบความคงตัวด้วยการทดสอบการรั่วซึมและความเสถียรของผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ โดยมีการออกแบบแบรนด์ให้เป็นที่จดจำเหมือนเดิม และเน้นเรื่องการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและจุดขาย เช่น “เพิ่มคุณค่าจากเปลือกกล้วยไข่ไทย” จากนั้นควรทำการขอรับรองมาตรฐาน: เช่น อย. หรือมาตรฐานผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

 

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18509]
11050 3
1 [18508]

ลำดับที่ 2

กลุ่ม/ชุมชน: คุณเสริมวุฒิ สวรรณโรจน์

ผู้ประกอบการ : เฉาก๊วยชากังราว

ที่อยู่:141/3 หมู่ที่ 6 ตำบลหนองปลิง อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร 62000      

เบอร์ติดต่อ: 0-5585-4821

ผลิตภัณฑ์: เฉาก๊วยในน้ำเชื่อม

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการทำเฉาก๊วยผงในแคปซูล

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :

          ความสำคัญของผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยผงใน เป็นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยให้สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาสินค้าสุขภาพ ใช้งานสะดวก และเก็บรักษาได้นาน โดยผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแคปซูลยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดกลุ่มเสริมอาหารเพื่อสุขภาพ อย่างไรก็ตามกระบวนการผลิตเฉาก๊วยผงในแคปซูล สามารถทำได้โดยการแปรรูปเฉาก๊วยเป็นผง โดยมีวิธีทำคือ1. การสกัดสารสำคัญจากเฉาก๊วย : นำเฉาก๊วยสดหรืออบแห้งมาผ่านกระบวนการสกัด เพื่อดึงสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น สารโพลีแซ็กคาไรด์ ใช้เทคนิคการสกัดด้วยน้ำร้อนหรือการสกัดเย็นเพื่อคงคุณภาพ  2. การทำให้แห้ง ใช้กระบวนการอบแห้งแบบ Spray Drying หรือ Freeze Drying เพื่อให้ได้ผงเฉาก๊วยที่คงคุณค่าทางโภชนาการ  3. การบดละเอียด นำเฉาก๊วยที่แห้งแล้วมาบดเป็นผงละเอียด เพื่อให้เหมาะสมกับการบรรจุในแคปซูล

การบรรจุในแคปซูล  1. เลือกวัสดุแคปซูล ใช้แคปซูลเจลาติน (Gelatin Capsules) หรือแคปซูลจากพืช (Vegan Capsules) เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งทั่วไปและมังสวิรัติ  2. การบรรจุ ใช้เครื่องบรรจุแคปซูลแบบอัตโนมัติ เพื่อความสะอาดและแม่นยำ 3. การตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน สามารถทำได้โดย  1. มาตรฐานสินค้า รับรองคุณภาพการผลิตตามมาตรฐาน GMP และ HACCP ตรวจสอบสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ เช่น ปริมาณสารโพลีแซ็กคาไรด์ 2. การขึ้นทะเบียน อย. จดทะเบียนผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยผงในแคปซูลกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ  3. การทดสอบคุณภาพ ตรวจสอบการปนเปื้อน เช่น เชื้อรา สารพิษ และโลหะหนัก 4. การออกแบบบรรจุภัณฑ์และการตลาด ประกอบด้วย 1. การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ใช้กระปุกหรือซองบรรจุที่มีความทันสมัย พร้อมฉลากที่ดึงดูด ระบุข้อมูลที่ชัดเจน เช่น ส่วนประกอบ, วิธีใช้, และคุณประโยชน์  2. การทำการตลาด ใช้การตลาดเชิงสุขภาพ เน้นคุณสมบัติเด่น เช่น ช่วยเพิ่มความสดชื่น, มีไฟเบอร์สูง, หรือช่วยปรับสมดุลร่างกาย จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, และ Facebook 3. ทดลองตลาด (Market Testing) ทดลองผลิตและส่งตัวอย่างให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทดลองใช้ เก็บข้อมูลความคิดเห็นเพื่อนำไปปรับปรุง 

สรุปผลการทำงาน: ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยผงในแคปซูลเป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ตลาดสุขภาพ โรงงานเฉาก๊วยชากังราวสามารถเริ่มต้นพัฒนากระบวนการผลิตด้วยการแปรรูปเฉาก๊วยเป็นผงที่มีคุณภาพสูง ผสานกับเทคโนโลยีบรรจุแคปซูลเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาด

หมายเหตุ:ให้คำปรึกษาผ่านทางสัญญาณโทรศัพท์



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18508]
0 1
1 [18519]

ลำดับที่ 10

กลุ่ม/ชุมชน: -

ผู้ประกอบการ : นายสุวัจน์ ศรีสถิตธรรม

ที่อยู่:159/1  หมู่ 1 ตำบลสมอแข อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

เบอร์ติดต่อ: 085-535-9796

ผลิตภัณฑ์ผงปรุงน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว

ปัญหาและความต้องการ :ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เน้นเป็นลักษณะของผงปรุงรสก๋วยเตี๋ยวแห้ง พร้อมบรรจุภัณฑ์

การให้คำปรึกษา และข้อมูล :การพัฒนาผงปรุงรสก๋วยเตี๋ยวแห้งและบรรจุภัณฑ์ จะเริ่มจาก ส่วนประกอบของผงปรุงรสก๋วยเตี๋ยวแห้ง วัตถุดิบหลักที่ควรมี: ผงน้ำซุปเข้มข้น – เช่น น้ำซุปกระดูกหมู/ไก่แห้ง เครื่องปรุงรส – น้ำตาล เกลือ ผงชูรส (หากต้องการ) เครื่องเทศและสมุนไพร – เช่น กระเทียมเจียว ผงพริกไทย ผงพริกป่น วัตถุดิบเสริมเพื่อเพิ่มเอกลักษณ์ – เช่น ใบมะกรูดผง ผงเห็ดหอม ผงซอสปรุงรส สารดูดความชื้น – เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 สูตรหลัก ได้แก่: สูตรต้นตำรับ (Traditional Flavor) – รสกลมกล่อมจากน้ำซุปและเครื่องเทศ สูตรเผ็ดจัดจ้าน (Spicy Flavor) – เพิ่มปริมาณพริกป่นและพริกไทยดำ โดยสามารถผลิตได้โดยเตรียมวัตถุดิบและทำให้แห้ง – เช่น การอบแห้งหรือการฟรีซดราย บดและร่อน – ให้ได้ผงละเอียด ผสมให้เข้ากัน – ควรใช้เครื่องผสมแบบอุตสาหกรรมเพื่อให้ส่วนผสมสม่ำเสมอ บรรจุในสภาวะปลอดเชื้อ – เพื่อยืดอายุการเก็บรักษา จากนั้นควรมีการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม เช่น ซองฟอยล์ซิปล็อก – ป้องกันความชื้นและรักษาคุณภาพ ซองแบบแบ่งใช้ (Single-Use Sachet) – สำหรับพกพาหรือใช้ครั้งเดียว ขวดแก้วหรือพลาสติก PET – สำหรับบรรจุในปริมาณมาก คุณสมบัติที่ควรมองหาในบรรจุภัณฑ์: ป้องกันความชื้นและอากาศเข้า  ทนต่อแสงแดดเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ  ออกแบบให้ใช้งานง่าย (เช่น ฝาปิดสนิท) อย่างไรก็ตามการขอมาตรฐาน อย. จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า แต่ผลิตภัณฑ์ผงปรุงรสก๋วยเตี๋ยวต้องระบุวัตถุดิบและปริมาณสารปรุงรสที่ใช้ ต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ โรงงานต้องมีมาตรฐาน GMP การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับผงปรุงรสก๋วยเตี๋ยวแห้ง ถือว่ามีความสำคัญมากในด้านการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความสะดวกในการใช้งาน และการดึงดูดลูกค้า การพิจารณาเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมควรคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้: 1. ป้องกันความชื้นและอากาศ ซองฟอยล์ซิปล็อก: ฟอยล์สามารถกันความชื้นได้ดีและยังช่วยปกป้องผลิตภัณฑ์จากแสงและออกซิเจนที่อาจทำให้ผลิตภัณฑ์เสื่อมสภาพได้ ซองพลาสติกฟอยล์ (Foil Pouch): การใช้วัสดุผสมระหว่างฟอยล์และพลาสติกช่วยป้องกันความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถุงพลาสติกกันความชื้น (Moisture Barrier Bags): ถุงที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำและอากาศได้ดี 2. ความสะดวกในการใช้งาน ซองซิปล็อก (Resealable Zip Pouch): เหมาะสำหรับการใช้งานง่ายและสามารถปิดซองได้แน่นหนา เพื่อเก็บผงปรุงรสให้สดใหม่ ซองแบ่งใช้ (Single-Use Sachets): เหมาะสำหรับการให้ลูกค้าใช้ในแต่ละครั้ง โดยไม่ต้องเปิดบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด เพิ่มความสะดวกและลดการเสี่ยงต่อการปนเปื้อน ขวดพลาสติกหรือขวดแก้ว (PET or Glass Bottles): เหมาะสำหรับการบรรจุในปริมาณมาก มีช่องเปิดที่สะดวกและสามารถควบคุมปริมาณการใช้ 3. การออกแบบเพื่อการตลาด สีและการพิมพ์: เลือกสีที่โดดเด่นและสะดุดตา เช่น การใช้สีเขียวหรือสีธรรมชาติที่บ่งบอกถึงความเป็นธรรมชาติและความสดใหม่ โลโก้และข้อมูลผลิตภัณฑ์: ควรมีข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ใช้และคุณสมบัติเด่นของผงปรุงรส เช่น สารปรุงรสธรรมชาติ หรือแหล่งที่มาของเครื่องเทศ ขนาดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม: สำหรับการใช้ในครัวเรือนควรเลือกขนาดที่สามารถใช้ได้หลายครั้ง ส่วนขนาดเล็กควรเหมาะสำหรับการใช้ในร้านอาหารหรือการพกพา 4. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วัสดุย่อยสลายได้: ใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable) เช่น กระดาษรีไซเคิลหรือพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ การใช้วัสดุรีไซเคิล: เลือกใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้เพื่อลดขยะและเพิ่มความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 5. ความปลอดภัยและมาตรฐาน การตรวจสอบคุณภาพ: บรรจุภัณฑ์ต้องมีความสามารถในการป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอกและรักษาคุณภาพของผงปรุงรส มาตรฐานอาหาร: ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. และมีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์

ตัวเลือกบรรจุภัณฑ์ที่แนะนำ ซองฟอยล์ซิปล็อก– ป้องกันความชื้นได้ดีและสะดวกในการปิด-เปิด ถุงพลาสติกพับขอบ – ใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการบรรจุในปริมาณใหญ่ ขวดพลาสติก PET หรือขวดแก้ว – เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์พรีเมียม ซองแบ่งใช้ขนาดพกพา – สะดวกสำหรับการใช้ในร้านหรือพกพาไปท่องเที่ยว

สรุปผลการทำงาน: จากความต้องการของของประกอบดังกล่าวนำข้อมูลเชื่อมโยงให้กับนักวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงานวิจัยหรือการบริการวิชาเพื่อแก้ไขปัญหาความต้องการของผู้ประกอบการต่อไป



รายงานโดย นางสาวอิสราภรณ์ ใบวุฒิ วันที่รายงาน 11/01/2568 [18519]
5000 1