2567 การบริการให้คําปรึกษาและข้อมูลเทคโนโลยี 0
ผล
ผล
ผล
รายงานความก้าวหน้า
ไตรมาส | ผลการดำเนินงาน | งบประมาณที่ใช้ | ผู้รับบริการ |
---|---|---|---|
3 [16662] |
กลุ่ม/ชุมชน/ชื่อผู้ประกอบการ : เรือนจำจังหวัดภูเก็ต / เรือนจำชั่วคราว (บ้านบางโจ) ที่อยู่: 143 หมู่ที่ 4 ถนนบ้านเขาล้าน - บางโจ ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เบอร์ติดต่อ: คุณไพศาล เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาผู้ต้องขัง / คุณอดุลย์ บุตรราช หัวหน้าเรือนจำชั่วคราว บ้านบางโจ ผลิตภัณฑ์: แมลงวันลาย ปัญหาและความต้องการ : 1.ต้องการพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงหนอนแมลงวันลาย ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ 2.ต้องการแปรรูปกล้วย ในพื้นที่เรือนจำ การให้คำปรึกษา และข้อมูล : 1. ร่วมออกแบบในพื้นที่เลี้ยงเดิมจากขนาดพื้นที่ 3x3 ตารางเมตร (โรงเลี้ยงและโรงบิน) ขยายเพิ่มเติม อีก 1 โรงเลี้ยง ในขนาดพื้นที่ 3x9 ตารางเมตร โดยคลินิกเทคโนโลยี สนับสนุนตาข่ายสีฟ้า จำนวน 3 ผืน โดยใช้แรงงานการประกอบจากน้องๆ ผู้ต้องขัง 2. คลินิกเทคโนโลยี ได้ขออนุเคราะห์ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโกโก้ภูเก็ต ที่เหลือใช้ (ตู้ใหม่) จำนวน 2 ตู้ ขนาด 2 x 2 เมตร เพื่อส่งมอบต่อให้เรือนจำ ใช้ประโยชน์ สรุปผลการทำงาน: 1. ได้โรงเรือนเลี้ยงเพิ่มเติม ขณะนี้ได้ใช้งานจริง นำเศษอาหารจากโรงครัวในเรือนจำมาให้อาหารแก่หนอนแมลงวันลาย และนำตัวหนอนที่ได้ มาเป็นอาหารปลาในกระชัง ลดต้นทุนค่าอาหารจากเดิม 2. เรือนจำมีตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อใช้งาน รายชื่อคณะทำงาน: 1. อาจารย์ กิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ 2. คุณสมชาย สกุลชิต เกษตรกรในพื้นที่ รายงานโดย นายกิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ วันที่รายงาน 23/04/2567 [16662] |
3000 | 2 |
2 [16599] | 500 | 12 | |
2 [16465] | 10000 | 20 | |
2 [16453] |
วันที่ 7-8 ตุลาคม 2566
อาจารย์กิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ ผู้จัดการคลินิกเทคโนโลยี ลงพื้นที่ ณ บ้านลิพอนใต้ ตำบลศรีสุนทร จังหวัดภูเก็ตเป็นวิทยากรร่วมกับคุณชฤทธิพร เม้งเกร็ด จัดการอบรมผู้ตรวจประเมินแปลงเกษตรอินทรีย์ แบบ PGS ทั้งนี้เพื่อสร้างผู้ตรวจประเมินเพิ่มเติม ในจังหวัดภูเก็ต
รายงานโดย นายกิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ วันที่รายงาน 04/04/2567 [16453] |
5000 | 17 |
2 [16454] |
อาจารย์กิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ ผู้จัดการคลินิกเทคโนโลยี ลงพื้นที่ ณ ชุมชนบ้านรมณีย์ ตำบลรมณีย์ อำเภอกะปง จังหวัดพังงา
รายงานโดย นายกิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ วันที่รายงาน 04/04/2567 [16454] |
4000 | 5 |
2 [16455] | 3000 | 4 | |
2 [16456] | 10000 | 21 | |
2 [16457] | 20000 | 35 | |
2 [16458] | 0 | 3 | |
2 [16460] | 3000 | 5 | |
2 [16461] | 5000 | 12 | |
2 [16462] | 8000 | 50 | |
2 [16464] | 10000 | 27 | |
2 [16466] | 5000 | 5 | |
2 [16467] | 10000 | 15 | |
2 [16468] | 10000 | 15 | |
2 [16469] |
วันที่ 11 ธันวาคม 2566 มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (PKRU) ร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) และ ภาคีเครือข่ายในจังหวัดภูเก็ต Grand Opening "ตามรอย...โอ้เอ๋ว เอกลักษณ์แห่งความอร่อยของภูเก็ต" One of The Most Mysterious Foods นายอำนวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการแถลงข่าวตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาหารพื้นถิ่นแบบบูรณาการสู่การท่องเที่ยว กิจกรรมย่อย Grand Opening "ตามรอย...โอ้เอ๋ว เอกลัษณ์แห่งความอร่อย" One of The Most Mysterious Foods ซึ่งจัดขึ้น ณ บริเวณสวนหย่อม สี่แยกธนาคารชาร์เตอร์ จังหวัดภูเก็ต โดยมีนายสาโรจน์ อังคณาพิลาส นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต,ผศ.ดร.ดวงรัตน์ โกยกิจเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายแผนงาน บริการวิชาการ และวิจัย,ดร.พจมาน ท่าจีนรองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ,นางอาภาพร สินธุสารผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีชุมชน,ผศ.รังสรรค์ พลสมัคร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี,นางสาวขนิษฐา อินทร์ประสิทธิ์ นักวิจัย และ ดร.อนิตทยา กังแฮ นักวิจัย ร่วมแถลงข่าว โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (PKRU) ร่วมกับ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) และภาคีเครือข่ายในจังหวัดภูเก็ต เปิดตัวผลงาน "ตามรอย...โอ้เอ๋ว เอกลักษณ์แห่งความอร่อยของภูเก็ต" One of The Most Mysterious Foods ผลงานนี้เป็นผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กับกรมวิทยาศาสตร์บริการ ใช้ระยะเวลา 1 ปี โดยค้นพบสิ่งที่วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ ดังนี้ โอ้เอ๋ว หรือ โอ๊ะเอ๋ว (O – Aew) เป็นขนมหวานพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียง ที่มีสูตรลับและกรรมวิธีการผลิตถ่ายทอดผ่านคนในครอบครัวนานกว่าร้อยปี ด้วยตัววุ้นของโอ้เอ๋วมีความพิเศษที่แตกต่างจากวุ้นทั่วไป คือ มีลักษณะเป็นวุ้นใส เนื้อนิ่ม ไม่มีรส แตกต่างจากวุ้นทั่วไปที่มีความแข็งมากกว่าเพราะวุ้นทั่วไปทำจากผงวุ้นที่ผลิตมาจากสาหร่าย วุ้นโอ้เอ๋ว เกิดจากเพคตินที่เป็นพอลิเมอร์ชีวภาพ (biopolymer) โดยทั่วไปแล้วเพคตินจะไม่สามารถเซ็ตตัวเป็นก้อนได้ เนื่องจากอันตรกิริยาระหว่างสายโซ่ เพคตินเป็นแรงอย่างอ่อนที่ทำให้วุ้นไม่คงรูปและอุ้มน้ำได้น้อย ซึ่งวุ้นสามารถเซ็ตตัวได้ดีขึ้นด้วยการใช้แคลเซียมไอออน (Ca2+) เป็นสารก่อเจลที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมด้วยพันธะไอออนิก (ionomer crosslink) ระหว่างหมู่คาร์บอกซิลของสายโซ่เพคติน (egg box model) ทั้งนี้ความสามารถในเชื่อมด้วยพันธะไอออนิกยังขึ้นกับปริมาณหมู่คาร์บอกซิลในสายโซ่เพคตินที่จะถูกแทนที่ด้วยหมู่เมทอกซิลอีกด้วย โดยชนิดของเพคตินสามารถแบ่งได้ 2 ชนิด ตามระดับเมทอกซิล (degree of methoxyl : DM) คือ เพคตินที่มีเมทอกซิลสูง (High Methoxyl Pectin : HMP) จะมีปริมาณ DM ตั้งแต่ 8.16% ขึ้นไป และเพคตินที่มีเมทอกซิลต่ำ (Low Methoxyl Pectin : LMP) จะมีปริมาณ DM น้อยกว่า 8.16% โดย LMP จะสามารถเกิดเจลกับแคลเซียมไอออนได้ดีกว่า HMP เพราะมีหมู่คาร์บอกซิลเยอะกว่า จากการศึกษาพบว่า วัตถุดิบหลักที่มีผลต่อการเกิดเจลของโอ้เอ๋ว คือ 1. เมล็ดอ้ายหยู หรือ พืชตระกูลมะเดื่อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ficus pumila var. awkeotsang ที่ถูกนำมาบีบสกัดกับน้ำในอัตราส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ได้เพคตินและเอนไซม์เพคตินเมทิลเอสเทอเรส (pectin methylesterase : PME) ที่สามารถเปลี่ยนหมู่เมทอกซิลในสายโซ่เพคตินให้เป็นหมู่คาร์บอกซิลที่เชื่อมขวางระหว่างสายโซ่เพคตินได้ดีขึ้น 2. กล้วยน้ำว้าที่ถูกนำมาสกัด เพื่อเพิ่มปริมาณเพคตินและแคลเซียม (Ca2+) สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับเจลและลดต้นทุนด้วยราคาที่ต่ำกว่าเมล็ดอ้ายหยู ต้องระมัดระวังเรื่องกลิ่น (ester) จากกล้วยเมื่อใส่ในปริมาณที่มากเกินไป 3. สารก่อเจลที่ถูกใช้ในกระบวนการผลิต "โอ้เอ๋ว" มีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงลักษณะของวุ้นนี้ เช่น การเพิ่มความคงตัวและลดการเคลื่อนตัวของน้ำในเจล (Syneresis) ได้โอ้เอ๋วที่มีลักษณะเจลอ่อนนุ่มแบบthermoreversible gel และจับตัวเป็นวุ้นนิ่มใสที่มีเอกลักษณ์ นำไปใช้รับประทานเป็นของหวานจากการผสมผสานภูมิปัญญาของชาวจีนฮกเกี้ยนกับขนมหวานไทยในลักษณะคล้ายน้ำแข็งไส แบบใส่เครื่องมีกลิ่นนมแมวรับประทานเพื่อแก้ดับกระหายคลายร้อน ประเด็นสำคัญของการ ตามรอย...โอ้เอ๋ว ปัจจุบันความเป็นเอกลักษณ์ขนมพื้นถิ่นสูญหาย เนื่องจากขาดช่วงสืบทอดและไม่มีการเปิดเผยองค์ความรู้ ทั้งด้านวัตถุดิบที่ใช้และกรรมวิธีการผลิตอย่างชัดเจน โดยอ้างอิงตำรับมาตรฐานขนมพื้นถิ่นจากบริบทชุมชนโดยอาศัยพื้นฐานวัฒนธรรมและวางแนวทางสูตร กรรมวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์โอ้เอ๋วที่คงความเป็นอัตลักษณ์ขนมพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ต และเพื่อสนับสนุนและยกระดับจังหวัดภูเก็ตให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านวิทยาการอาหาร (City of Gastronomy) คลินิกเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จึงร่วมกับกองเทคโนโลยีชุมชม กรมวิทยาศาสตร์บริการ นำองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม มาศึกษาวิจัยและพัฒนากรรมวิธีการผลิตโอ้เอ๋วเป็นรูปธรรม โดยใช้องค์ความรู้จากภูมิปัญญาของชุมชนเป็นแกนหลัก สิ่งที่ได้จากการตามรอย...โอ้เอ๋ว 1. องค์ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น สูตร และกรรมวิธีการผลิตโอ้เอ๋วของคนภูเก็ต ที่คงความเป็นอัตลักษณ์ขนมพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ต เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพของอาหารพื้นเมือง อาหารโบราณให้มีคุณภาพมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค 2. องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) ที่ใช้เป็นแนวทางในการกำหนดลักษณะเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์โอ้โอ๋วและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ 3. เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในประเด็นยุทธศาสตร์ของจังหวัดภูเก็ตเป็น City of Gastronomy โดยมีเป้าหมายกลยุทธ์เพื่อสร้างความยั่งยืนด้วยการจัดการ องค์ความรู้ วิจัยและนวัตกรรม ในด้านอาหาร ท้องถิ่น รักษาอัตลักษณ์และรสชาติดั้งเดิมของอาหารท้องถิ่นของจังหวัดภูเก็ต 4. การประสานงานกับฟาร์มในต่างประเทศ นำต้นโอ้เอ๋ว มาปลูกในจังหวัดภูเก็ต เพื่อการอนุรักษ์และเพื่อการวิจัย การดำเนินงานต่อไป มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (PKRU) และกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ร่วมทำข้อตกลงความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เพื่อสนับสนุนการศึกษาวิจัย พัฒนาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยนำองค์ความรู้จากภูมิปัญญาของชุมชนเป็นแกนหลักในการต่อยอดการวิจัยและพัฒนาด้านตำรับและกรรมวิธีการผลิตอัตลักษณ์ขนมพื้นเมืองของจังหวัดภูเก็ต โดยขนมพื้นเมืองที่ได้เลือกไว้ถัดจาก โอ้เอ๋ว คือ อาโป้ง
รายงานโดย นายกิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ วันที่รายงาน 04/04/2567 [16469] |
20000 | 50 |
2 [16472] | 0 | 20 | |
2 [16473] | 0 | 2 | |
2 [16475] | 10000 | 8 | |
2 [16477] | 1000 | 20 | |
2 [16482] |
ดำเนินการจัดซื้อวัสดุสำนักงาน 5,000 บาท รายงานโดย นายกิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ วันที่รายงาน 04/04/2567 [16482] |
5000 | 0 |
2 [16463] | 3000 | 1 | |
2 [16117] |
วันที่ 19 ตุลาคม 2566 / วันที่ 24 ธันวาคม 2566 อาจารย์ปกรณ์ พรหมแก้ว อาจารย์สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก้ต ลงพื้นที่ร่วมกับอาจารย์กิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ ผู้จัดการคลินิกเทคโนโลยี ลงพื้นที่วิสาหกิจชุมชนอู่ข้าวอู่น้ำนาหัวนอน คุณโรจนินทร์ ม่วงเพชร ประธานกลุ่มฯ เพื่อบริการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาเตาเผาข้าวหลาม เพื่อสามารถลดความสูญเลีย ที่ปล่อยพลังงานทิังออก ในระหว่างเผา และหารือแนวทางการทำเตาเผาที่ทันสมัยมากขึ้น กลังจากนั้นจึงนำมาสู่การให้บริการผ่านโครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนยั่งยืนสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ด้วยการเน้น การพัฒนาและออกแบบเทคโนโลยีการผลิต ในระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นเทคโนโลยีขั้นสูง โดยร่างประเด็น คือ การเพิ่มประสิทธิภาพเชิงความร้อนของเตาเผาข้าวหลามด้วยระบบกักเก็บความร้อนจากวัสดุพรุน
รายงานโดย นายกิตติศักดิ์ จิตต์เกื้อ วันที่รายงาน 05/02/2567 [16117] |
2000 | 2 |