เทคโนโลยีพร้อมถ่ายทอด
ชื่อ
การปลูกไพล
ชม 226 ครั้ง
69
เจ้าของ
ผศ.ดร.ไกรศรี ศรีทัพไทย
เมล์
kraisri03@gmail.com
รายละเอียด
1. ฤดูเพาะปลูก ส่วนมากจะอยู่ในช่วงฤดูฝนหรือก่อนฤดูฝน เล็กน้อย ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม
2. การเตรียมพื้นที่ ระบบแวดล้อมที่ห่างจากเกษตรเคมี หากหลีกเลี่ยงจากแปลงปลูกเคมีไม่ได้ ทำแนวป้องกัน เช่น ชั้นที่ 1 ปลูกหญ้าเนเปียร์ ชั้นที่ 2 ปลูกกล้วย หรือปลูกไผ่เป็นแนว หรือปลูกพืช ที่ใช้ประโยชน์ได้
3. การเตรียมดิน
3.1 ตรวจเช็คดิน
- สารพิษตกค้าง
- โลหะหนัก อาทิเช่น สารหนู ทองแดง ตะกั่ว แคดเมียม
- ตรวจเช็คชนิดของดิน
- ตรวจวัดค่าความเป็นกรด-ด่าง (PH)
3.2 ตรวจธาตุอาหาร
การเตรียมดินปลูกขมิ้นชันจำเป็นต้องไถพรวน เพื่อให้ดิน ร่วนชุยขึ้น ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีวัชพืชมากและหน้าดินแข็งควรไถพรวนไม่ น้อยกว่า 2 ครั้ง คือ ไถดะ เพื่อกำจัดวัชพืชและเปิดหน้าดินให้ร่วนซุย แล้วตากดินไว้ 1-2 สัปดาห์ เพื่อทำลายไข่แมลง เชื้อโรคในดิน และไถแปร อย่างน้อย 2 รอบ เพื่อให้ดินฟูร่วนซุย
4. การเตรียมพันธุ์ ท่อนพันธุ์ที่ใช้มี 2 ชนิด คือ แง่งแม่หรือหัว ที่มีลักษณะกลมหนา ส่วนอีกชนิดหนึ่งคือ แง่งนิ้วมือมีลักษณะเรียวยาว ท่อนพันธุ์ที่ใช้นี้อาจจะใช้ทั้งท่อนยาว ๆ โดยไม่ต้องตัดหรือจะตัดเป็น ท่อน ๆ ให้มีตาติดอยู่ประมาณ 1-2 ตา ก็ได้ ก่อนนำไปปลูกควรแช่ หัวพันธุ์ในเชื้อราไตรโคเดอร์มา แล้วนำไปผึ่งให้แห้งก่อนนำไปปลูก (หัวพันธุ์อินทรีย์)
5. การเตรียมแปลง การเตรียมแปลงปลูก มีดังนี้
5.1 หลังจากไถพื้นที่แล้ว ปรับพื้นที่วัดระดับน้ำ เพื่อหาระดับ การลาดเทของพื้นที่หาทิศทางการไหลของน้ำ ไม่ให้น้ำท่วมขังแปลง
5.2 แปลงปลูกสภาพยกสันร่อง หรือยกแปลงให้สูงจากระดับ ดินเดิม 40-50 เซนติเมตร แปลงกว้าง 120 เซนติเมตร (ปลูกสลับฟันปลา ได้ 2 แถว) ระหว่างแปลงควรห่างกันอย่างน้อย 80 เซนติเมตร-1 เมตร เพื่อให้มีร่องระบายน้ำได้ดี หรือยกร่องเหมือนปลูกมันสำปะหลัง แต่สันแปลงควรกว้าง 80 เชนติเมตร (ปลูกได้ 1 แถว) การยกแปลงสูง เพื่อลดการดูดสารโลหะหนักของรากพืช การดูดอาหารของรากพืชจะ อยู่ที่ความลึกประมาณ 30-50 เซนติเมตร
5.3 การใส่อินทรียวัตถุในแปลงปลูก อินทรียวัตถุทุกชนิด ต้องตรวจเช็คสารพิษตกค้างในอินทรียวัตถุทุกชนิดก่อนการหมัก และ หลังการหมัก อินทรียวัตถุหมักอย่างน้อย 3 เดือน หรือ 90 วัน ประกอบ ไปด้วย มูลวัว แกลบดิบ ขุยมะพร้าว เศษใบไม้หรืออินทรียวัตถุในท้องถิ่น ในอัตราสัดส่วน 1:1 ต่อตารางเมตร และใส่ฮิวมัสธรรมชาติ เพื่อให้ ดินร่วนชุย เพิ่มประสิทธิภาพให้กับรากพืช รากพืชนำไปใช้ในการสร้าง หัวแล้วใช้รถพรวนดินผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน และแต่งแปลงอีกครั้ง
5.4 ระบบน้ำ แต่ละแปลงจะประกอบไปด้วย 2 ระบบคือ
1) สปริงเกอร์ ความสูงของหลักสปริงเกอร์ 1.20 เมตร ระยะห่างของหัวสปริงเกอร์ 4 เมตร เพื่อล้างใบ ล้างน้ำค้าง ล้างเชื้อราชนิด ต่าง ๆ ล้างไข่แมลง ล้างสิ่งสกปรก และสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในแปลงปลูก
2) น้ำหยด จะเป็นเทปน้ำหยด หรือสายน้ำหยด ระยะห่าง รูเทปน้ำหยด 60 เซนติเมตร 1 แปลงจำเป็นต้องใช้เทปน้ำหยดทั้งหมด 2 เส้น ระยะห่างแต่ละเส้น 50 เซนติเมตร เพื่อให้น้ำและอาหาร ให้เพียงพอ ต่อความต้องการของพืช และลดการสูญเสียอาหารและน้ำที่พืชจะได้รับ เพิ่มประสิทธิภาพในการให้ปุ๋ยและน้ำ และระบบน้ำแต่ละชนิดจะแยก ท่อเมนย่อยของแต่ละชนิด เพื่อให้การควบคุมการให้น้ำได้สะดวกมากขึ้น ระบบน้ำต้องเป็นระบบน้ำที่สะอาด ไม่ควรใช้แหล่งน้ำในธรรมชาติ เนื่องจากมีการปนเปื้อนสูง หากมีการใช้แหล่งน้ำธรรมชาติ ควรนำมาพักทิ้งไว้ในบ่อที่เตรียมไว้ (บ่อที่มีขอบสูงกว่าทางน้ำไหลบ่า ของน้ำฝน) และต้องบำบัดด้วยการเพิ่มออกซิเจน หรือบำบัดด้วยพืช ที่มีคุณสมบัติ ในการดูดซับสารพิษได้ดี เช่น จอก ผักตบชวา เป็นต้น
5.5 การคลุมฟาง ฟางควรมีการหมักอย่างน้อย 1 เดือน และ มีการตรวจหาสารพิษตกค้างและสารโลหะหนักในฟาง ก่อนคลุมแปลง ในการคลุมแปลงแต่ละแปลงให้มีความหนาประมาณ 20-30 เชนติเมตร คลุมตลอดจนถึงขอบแปลงด้านล่าง เพื่อรักษาความชื้นในดิน และ ป้องกันวัชพืชขึ้นแซม และรดด้วยเชื้อปฏิปักษ์ (เชื้อราไตรโคเดอร์มา) 1 สัปดาห์ก่อนปลูก เพื่อป้องกันและกำจัดเชื้อราชนิดอื่น ที่ส่งผลต่อการ เกิดโรคราเน่าโคนเน่า และลดปริมาณก๊าซการหายใจของจุลินทรีย์ เนื่องจากการย่อยสลายของอินทรียวัตถุ (เกิดความร้อน ทำให้อุณหภูมิ ในดินสูง) และเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน
6. วิธีปลูก หลังจากเตรียมแปลงแล้วเสร็จ คลุมฟางหนา ประมาณ 20-30 เซนติเมตร ปลูกขมิ้นชัน ระยะปลูก 50X50 เซนติเมตร โดยใช้ไม้แหลมหรือเสียมเจาะหลุมให้ใกล้เคียงหัวน้ำหยด แล้ววางหัว พันธุ์ใช้ดินกลบ เกลี่ยฟางคลุม เป็นการปลูกเสร็จเรียบร้อย
ข้อห้าม ห้ามบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติ หน้าที่ในแปลง เข้าแปลงก่อนได้รับอนุญาต พนักงานที่จะต้องปฏิบัติ งานในแปลง ต้องมีการฉีดพ่นฆ่าเชื้อก่อนเข้าแปลง เพื่อป้องกันการนำ เชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่แปลง ทุกครั้งที่มีการฉีดพ่นเชื้อปฏิปักษ์ และ สารสกัดสมุนไพร ต้องมีการใส่ชุดคลุมป้องกันทุกครั้ง
การดูแลรักษา
1. การให้น้ำ ขมิ้นชันเป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง แต่ไม่ต้องการ สภาพที่ขึ้นแฉะ การให้น้ำแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงเช้า และช่วงบ่าย หรือตามความเหมาะสม
2. การให้ปุ๋ย จะให้ปุ๋ยอยู่ 3 ประเภทคือ
2.1 ปุ้ยหมัก อินทรียวัตถุทุกชนิด ต้องตรวจเช็คสารพิษตกค้าง ในอินทรียวัตถุทุกชนิดก่อนการหมัก และหลังการหมัก อินทรียวัตถุหมัก อย่างน้อย 3 เดือน หรือ 90 วัน ประกอบไปด้วย มูลวัว แกลบดิบ ขุยมะพร้าว เศษใบไม้หรืออินทรียวัตถุในท้องถิ่น หลังจากนั้นก็นำมาใส่ ในแปลงปลูก การหมักอินทรียวัตถุทุกครั้งต้องใช้จุลินทรีย์ท้องถิ่น และ ไตรโคเดอร์มาผสมน้ำรดอินทรียวัตถุที่หมัก
2.2 อาหารพืชชนิดน้ำและฮอร์โมนพืชต่าง ๆ จะใช้ทั้งหมด 2 แบบ คือ 1) ฉีดพ่นทางใบ 2 ให้ทางน้ำหยด การให้อาหารพืชชนิดน้ำ และฮอร์โมนพืชต่างๆ จะให้ในช่วงเวลาเช้าเท่านั้น
2.3 ปุ้ยอินทรีย์อัดเม็ด จะใส่ในแปลงปลูกใส่ในอัตราตามช่วง อายุของพืชแต่ละช่วง
3. การกำจัดวัชพืช ควรเอาใจใส่ดูแลกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกหลังต้นงอกและระยะที่ต้นยังเล็ก กรณีที่มีวัชพืช ขึ้นมากควรใช้มือในการกำจัด ห้ามใช้จอบดายหญ้าและของมีคมดายหญ้า โดยเด็ดขาด ลดการทำลายรากพืช (งดการพรวนดิน งดการใช้อุปกรณ์ มีคมทุกชนิดในการกำจัดวัชพืช เพราะเป็นการทำลายรากพืช จะทำให้ พืชชะงักการเจริญเติบโต)
การป้องกันกำจัดโรคและแมลง
โรคของขมิ้นชัน หมั่นตรวจเช็คโรคพืชและแมลงศัตรูพืชในช่วง ช้าและเย็นทุกวัน โรคของขมิ้นชันที่พบได้แก่ โรคเหง้าและรากเน่า เกิดจากน้ำขังหรือการให้น้ำมากเกินไป โรคใบจุด ราน้ำค้าง ฉีดพ่นเชื้อรา ไตรโคเดอร์มา (ฉีดพ่นตอนเย็นเท่านั้น และพ่นต่อเนื่อง 4 วัน เพื่อตัด วงจรการขยายเชื้อรา) ศัตรูพืช ได้แก่
1) แมลงดูดกินน้ำเลี้ยง (Scale insect หรือ Sucking insect) เช่น เพลี้ย หอย มักวางไข่ไว้ที่ผิวเปลือกเหง้าเห็นเป็นสะเก็ดสีขาว ดูดกินน้ำเลี้ยงทำความเสียหายแก่ต้นและเหง้า พบได้ทั้งในแปลงและ ในระยะหลังเก็บเกี่ยว ใช้สารสกัดจากพืชและสมุนไพรในการป้องกัน และกำจัด เช่น สารสกัดจากพริก ข่าแก่ และเปลือกไม้ และการฉีดพ่น เชื้อราบิวเวอร์เรีย เมธาไรเชี่ยม (ฉีดพ่นตอนเย็นเท่านั้น และพ่นต่อเนื่อง 4 วัน เพื่อทำลายในแต่ละการเจริญวัยของแมลง) และใช้ถุงกาวเหลือง ดักแมลง ทุกระยะ 4 เมตร เพื่อตรวจสอบชนิดและปริมาณของแมลง และระยะการเจริญวัยของแมลง
2) หนอนหรือแมลงกัดกินใบ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเจริญ เติบโตของพืชการป้องกันกำจัด ในเบื้องต้นควรทำลาย ใช้สารสกัดจาก พืชและสมุนไพรในการป้องกันและกำจัด เช่น สารสกัดจากพริก ข่าแก่ และเปลือกไม้ และการฉีดพ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย เมธาไรเชี่ยม (ฉีดพ่น ตอนเย็นเท่านั้น และพ่นต่อเนื่อง 4 วัน เพื่อทำลายในแต่ละการเจริญวัย ของแมลง) และใช้ถุงกาวเหลืองดักแมลง ทุกระยะ 4 เมตร เพื่อตรวจ สอบชนิดและปริมาณของแมลง และระยะการเจริญวัยของแมลง
การป้องกันและกำจัด
ในส่วนของโรคพืช จะใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มา และเปลือกไม้ที่มี รสฝาด ในการป้องกันและกำจัด ส่วนของแมลงศัตรูพืช จะใช้สารสกัด จากธรรมชาติในการป้องกันและกำจัด และเชื้อราบิวเวอร์เรีย เมธาไรเชี่ยม และสารจับใบจากธรรมชาติร่วมด้วยทุกครั้ง ในการฉีดพ่นเชื้อราและ สารสกัดจากพืช จะทำการฉีดพ่นในช่วงเย็น การพ่นป้องกันและกำจัด โรคพืชและแมลงควรผสมสารจับใบจากธรรมชาติ เพื่อให้สารจับใบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสารสกัดและเชื้อปฏิปักษ์ ให้เกาะติดกับตัวแมลง ใบของพืชได้นาน
การเก็บเกี่ยว
1. การเก็บเกี่ยว หลังการปลูกขมิ้นชันได้ประมาณ 7 เดือน ใบล่าง ๆ ของขมิ้นจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แสดงว่าขมิ้นเริ่มแก่แล้ว ให้ปล่อยขมิ้นไว้ในแปลงจนมีอายุประมาณ -10 เดือน จึงเริ่มขุด ซึ่งอยู่ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม (มีการตรวจสารสำคัญและสารพิษ ตกค้าง ตั้งแต่ 5 เดือน ถึงระยะการเก็บเกี่ยว)
2. วิธีการขุด การขุดต้องพยายามไม่ให้จอบโดนเหง้า และถ้า ปลูกเชิงอุตสาหกรรม สามารถใช้รถไถขุดได้ หรือวิธีการตามความ เหมาะสม ถ้าดินแห้งเกินไปในขณะที่จะขุดก็ให้รดน้ำก่อนการขุดอย่างน้อย 12 ชั่วโมง ไม่ควรให้แฉะ เพื่อให้สะดวกต่อการขุดและง่ายต่อการ เอาดินออกจากหัวขมิ้น เสร็จแล้วจึงตัดใบ ราก และล้างน้ำให้สะอาด แล้วผึ่งให้แห้ง
3. ผลผลิต ขมิ้นชันกอหนึ่ง ๆ จะมีหัวประมาณ 2-8 อัน และ มีแง่งนิ้วมือประมาณ 10-40 อัน ให้ผลผลิตประมาณไร่ละ 3,000-5,000 กิโลกรัม
4. การทำความสะอาด คัดแยกหัวและแง่งออกจากกัน ตัดราก และส่วนต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการทิ้ง คัดเลือกส่วนที่สมบรูณ์ปราศจากโรค และแมลงนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้ง จากนั้นคัดแยกส่วนของ ผลผลิตที่จะนำไปทำแห้งและเก็บรักษาไว้ทำหัวพันธุ์ต่อไป
การบรรจุและการเก็บรักษา
1. การเก็บรักษาเหง้าพันธุ์หรือเหง้าสด การเก็บเกี่ยวขมิ้นชัน จะเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูแล้ง และจะเริ่มปลูกใหม่ในต้นฤดูฝน จะมีระยะ ทิ้งช่วงห่างประมาณ 2-3 เดือน ดังนั้นการเก็บรักษาที่เหมาะสมจะช่วย ลดหรือหลีกเลี่ยงความเสียหายของเหง้าพันธุ์ได้โดยวางเหง้าพันธุ์ผึ่ง ไว้ในที่ร่ม สะอาดปราศจากเชื้อโรค แมลงและสัตว์ต่าง ๆ รบกวน มีอากาศถ่ายเทสะดวก พื้นที่เก็บแห้งและปราศจากความชื้น ระหว่าง เก็บรักษาหัวพันธุ์ควรมีการฉีดพ่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา อย่างน้อย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันหัวพันธุ์เน่า
บันทึกโดย
