เทคโนโลยีพร้อมถ่ายทอด
หนอนแมลงวันลาย’ (Black soldier fly) หรือบ้านเรารู้จักกันในชื่อ ‘หนอนแม่โจ้’ ที่มีการเพาะเลี้ยงกันมาสักระยะหนึ่งแล้วในกลุ่มเกษตรกรภาคเหนือและอีสาน ซึ่งพัฒนาสายพันธุ์โดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นแมลงที่ไม่เป็นพาหะนำโรค ไม่เป็นศัตรูพืชและไม่ก่อให้เกิดความรำคาญต่อชุมชน พบได้บริเวณพุ่มไม้ทั่วไปในธรรมชาติ กินน้ำและน้ำหวานเป็นอาหาร มีรอบวงจรชีวิต 5 ระยะ ได้แก่
- ระยะตัวเต็มวัย (แมลง) – ขนาดลำตัวยาวประมาณ 16 มิลลิเมตร มีอายุ 8-15 วัน ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในธรรมชาติที่มีพุ่มไม้ ใบไม้สีเขียว จับคู่ผสมพันธุ์ ตัวเมียจะวางไข่ไว้บริเวณใกล้ ๆ กับขยะอินทรีย์ จำนวนไข่ประมาณ 400-900 ฟองต่อตัว
- ระยะไข่ – เป็นรูปวงรี ยาวประมาณ 1 มิลลิเมตร สีเหลืองอ่อนหรือสีครีม ไข่จะมีสีเข้มขึ้นตามระยะเวลา ใช้เวลา 3-4 วัน ในการฟักเป็นตัวหนอน
- ระยะตัวหนอน – เป็นระยะที่กินขยะอินทรีย์เป็นอาหาร มีลักษณะตัวอวบอ้วน แบน สีขาวครีม ขนาดตัวยาวตั้งแต่ 3-26 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 0.2 กรัม ตัวหนอนจะลอกคราบ 8 ครั้งก่อนเข้าดักแด้
- ระยะตัวหนอนก่อนเข้าดักแด้ – ระยะรอยต่อระหว่างตัวหนอนกับดักแด้ เป็นระยะที่เหมาะในการนำไปใช้ประโยชน์
- ระยะดักแด้ – ลำตัวจะมีสีดำเข้มและผิวแห้งแข็ง ใช้เวลาฟักเป็นตัวแมลงประมาณ 10-15 วัน หรือนานกว่านั้นขึ้นกับสภาพอากาศ
-
แหล่งโปรตีนแห่งอนาคต
ระยะที่เราสามารถนำแมลงวันลายไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด คือระยะที่ยังเป็นตัวหนอน ซึ่งสามารถทำให้แห้งแล้วป่นเป็นอาหารสัตว์ ช่วยลดการใช้ถั่วเหลืองได้หลายตันเนื่องจากให้พลังงานโปรตีนสูง หนอนแมลงวันลายมีคุณค่าทางโภชนาการ โปรตีนมากกว่า 40% ไขมัน 35% ให้พลังงาน 2,900 แคลอรี่/กิโลกรัม มีโอเมก้า 3, 6, 9 และยังมีกรดลอริกเหมือนที่อยู่ในน้ำนมแม่ มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคต่าง ๆ เหมาะที่จะนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ ได้แก่ ไก่ เป็ด ปลา หรือ นกสวยงามได้ โดยมีตลาดรับซื้อตัวเป็น ๆ ในราคากิโลกรัมละ 500 บาท ส่วนหนอนอบแห้ง กิโลกรัมละ 1,200–1,400 บาท ในต่างประเทศจะขายกันกิโลกรัมละ 600-1,000 บาท
ปัจจุบันหนอนแมลงวันลายกำลังเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน เนื่องจากให้ผลผลิตดี โดยเลี้ยงเพียง 2 สัปดาห์จะมีขนาดใหญ่ได้ถึง 5,000 เท่า ไม่เป็นพาหะนำโรคให้กับมนุษย์ ไม่เป็นศัตรูพืช รวมถึงเป็นผู้ย่อยสลายตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ