ความแตกต่างระหว่าง Accelerator และ Incubator แนวทางสำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัย  23

คำสำคัญ : incubator  
ความแตกต่างระหว่าง Accelerator และ Incubator
แนวทางสำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัย
เครดิต : https://www.facebook.com/share/146qMNUvLX/
 
ในยุคที่นวัตกรรมและการสร้างผู้ประกอบการเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยจึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพ การสร้างผู้ประกอบการที่สามารถใช้ประโยชน์จากงานวิจัยได้ ดังนั้นการเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Accelerator และ Incubator จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ของมหาวิทยาลัย
 
แต่การบ่มเพาะ และ การเร่งรัดนั้น ไม่เหมือนกัน …
 
Incubator หรือโครงการบ่มเพาะธุรกิจ เปรียบเสมือนการดูแลต้นกล้าตั้งแต่เริ่มปลูก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาแนวคิดธุรกิจตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาที่ตายตัว โดยทั่วไปมักใช้เวลา 1-3 ปี เน้นการให้คำปรึกษาและสนับสนุนพื้นฐาน เหมาะสำหรับทีมที่ยังไม่มีประสบการณ์ทางธุรกิจมากนัก ผลลัพธ์ที่คาดหวังจาก Incubator คือการพัฒนาธุรกิจที่มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน มีต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่พร้อมทดสอบตลาด และมีทีมที่มีความเข้าใจในการดำเนินธุรกิจ
 
ยกตัวอย่างเช่น กรณีของทีมนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มีไอเดียพัฒนาแอปพลิเคชันช่วยจัดการขยะในมหาวิทยาลัย Incubator จะทำหน้าที่พัฒนาแนวคิดให้เป็นโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน ให้คำแนะนำด้านเทคนิคและการตลาด สนับสนุนพื้นที่ทำงานและอุปกรณ์พื้นฐาน รวมถึงเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้อง
 
ในทางกลับกัน Accelerator หรือโครงการเร่งการเติบโตของธุรกิจ เปรียบเสมือนการใส่ปุ๋ยและเร่งการเติบโตของต้นไม้ที่แข็งแรงอยู่แล้วให้เติบโตเร็วขึ้น โดยเน้นการเร่งการเติบโตของธุรกิจที่มีศักยภาพสูง มีระยะเวลาที่ชัดเจนประมาณ 3-6 เดือน มีการลงทุนเริ่มต้น และเน้นการสร้างเครือข่ายกับนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ ผลลัพธ์ที่คาดหวังคือการเติบโตของรายได้อย่างก้าวกระโดด การระดมทุนจากนักลงทุนภายนอก และการขยายฐานลูกค้าอย่างรวดเร็ว
 
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กรณีของทีมวิจัยที่พัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดคุณภาพดินที่ผ่านการทดสอบตลาดแล้ว Accelerator จะช่วยเร่งการผลิตเชิงพาณิชย์ เชื่อมต่อกับนักลงทุนที่สนใจ วางแผนการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ และพัฒนากลยุทธ์การเติบโตที่รวดเร็ว
 
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทั้งสองรูปแบบสามารถเห็นได้ชัดในสามมิติหลัก มิติแรกคือระยะเวลาและความเข้มข้น โดย Incubator จะใช้เวลานานกว่าและเน้นการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ Accelerator มีระยะเวลาสั้นแต่เข้มข้น เน้นการเติบโตแบบก้าวกระโดด 
 
มิติที่สองคือการคัดเลือก Incubator จะเปิดกว้างสำหรับไอเดียที่น่าสนใจแม้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ ส่วน Accelerator จะคัดเลือกเฉพาะธุรกิจที่มีศักยภาพสูงและมีผลิตภัณฑ์พร้อมเติบโต 
 
มิติสุดท้ายคือการลงทุน โดย Incubator มักไม่มีการลงทุนโดยตรงแต่เน้นการสนับสนุนด้านทรัพยากร ในขณะที่ Accelerator จะมีการลงทุนเริ่มต้นแลกกับสัดส่วนของบริษัท (โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็น accelerator เอกชน) 
 
นอกจากว่าจะตั้งเป้าหมายว่าเป็น accelerator ภาครัฐที่ไม่เอาหุ้นกับบริษัท 
สำหรับบทบาทของมหาวิทยาลัย การจัดตั้ง Incubator มีความเหมาะสมสำหรับการสนับสนุนนักศึกษาและบุคลากรที่เริ่มต้นธุรกิจ สามารถบูรณาการกับการเรียนการสอนและการวิจัย และสร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะผู้ประกอบการ 
 
ส่วนการจัดตั้ง Accelerator จะเหมาะสมกับมหาวิทยาลัยที่มีเครือข่ายภาคธุรกิจเข้มแข็ง มีทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจ และเน้นการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง
 
ข้อเสนอแนะสำหรับผู้บริหารมหาวิทยาลัยคือ ควรเริ่มต้นจากการจัดตั้ง Incubator ก่อน เพื่อสร้างฐานความรู้และประสบการณ์ พัฒนาระบบนิเวศผู้ประกอบการในมหาวิทยาลัย และสร้างความเชื่อมั่นกับพันธมิตรภายนอก หลังจากนั้นจึงค่อยพัฒนาสู่การจัดตั้ง Accelerator เมื่อมีความพร้อมด้านเครือข่ายและทรัพยากร มีทีมงานที่มีประสบการณ์เพียงพอ และมีโครงการที่ประสบความสำเร็จจาก Incubator แล้วครับ 
 
การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Incubator และ Accelerator จะช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถวางแผนการสนับสนุนผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรพิจารณาถึงความพร้อมของสถาบัน ทรัพยากรที่มี และเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาระบบนิเวศผู้ประกอบการ 
 
การเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของมหาวิทยาลัยจะนำไปสู่การสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อระบบนิเวศนวัตกรรมและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
--------
ขอบพระคุณโครงการ BAP+ 
ที่ชวนไปแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การบริหารจัดการ Accelerator ที่ใช้งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยครับ

เขียนโดย : นายเอกพงศ์  มุสิกะเจริญ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : ekapong@mhesi.go.th